Lockup Period crypto คืออะไร
Lockup Period (ระยะเวลาล็อกอัพ) ในบริบทของ cryptocurrencies หรือสกุลเงินดิจิทัลคือระยะเวลาที่ผู้ถือสิทธิ์หรือนักลงทุนต้องรอก่อนที่จะขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาเป็นเจ้าของได้ ระยะเวลานี้มักถูกกำหนดโดยโครงการหรือทีมพัฒนาของ cryptocurrency เพื่อป้องกันการขายและควบคุมการค้าขายในระยะเริ่มต้นหรือระยะเวลาที่สำคัญในโครงการนั้น ๆ
Lockup period สามารถมีระยะเวลาที่แตกต่างกันไปตามโครงการ แต่มักมีระยะเวลาตั้งแต่หลายวันหรือสัปดาห์ไปจนถึงหลายปี ระยะเวลาล็อกอัพมักถูกกำหนดไว้ในรูปแบบของ ICO (Initial Coin Offering) หรือ STO (Security Token Offering) หรืออาจถูกใช้ในกรณีการแจกจ่ายสกุลเงินดิจิทัลให้กับทีมพัฒนาหรือนักลงทุนในโครงการนั้น ๆ ระยะเวลาล็อกอัพเป็นสิ่งที่ควรถูกพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อลงทุนใน cryptocurrencies โดยควรตรวจสอบข้อมูลและข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนั้น ๆ เพื่อทราบถึงระยะเวลาล็อกอัพและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนของคุณใน cryptocurrencies นั้น ๆ และควรรู้ว่าจะมีผลกระทบต่อการซื้อขายของคุณในระยะเวลาเริ่มต้นหรือไม่
Lockup Period crypto ทำงานอย่างไร
แนวคิดของ Lockup Period ในโลกของ cryptocurrencies คือการล็อก หรือจำกัด การขายหรือการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเป็นระยะเวลาที่กำหนดล่วงหน้า ซึ่งมักถูกใช้ในการ ICO (Initial Coin Offering) หรือ STO (Security Token Offering) เพื่อควบคุมการขายและควบคุมการค้าขายในระยะเวลาเริ่มต้นของโครงการหรือในช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับโครงการนั้น ๆ ระยะเวลาล็อกอัพมักถูกกำหนดโดยโครงการนั้นและแสดงในเอกสารของ ICO หรือ STO เพื่อให้ผู้ลงทุนทราบว่าต้องรอเป็นเวลานานกี่เดือนหรือปีก่อนที่จะขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ อธิบายขั้นตอนการทำงานของ Lockup Period อย่างละเอียดได้ดังนี้:
- กำหนดระยะเวลาล็อกอัพ: โครงการ cryptocurrency จะระบุระยะเวลาที่จะทำให้สกุลเงินดิจิทัลที่ขายใน ICO หรือ STO ถูกล็อกอัพ ตัวอย่างเช่น, 6 เดือนหรือ 1 ปี
- การขายในระหว่างระยะเวลาล็อกอัพ: ในระหว่างระยะเวลาล็อกอัพ, ผู้ถือสิทธิ์จะไม่สามารถขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนั้นในตลาดสาธารณะได้ ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถนำสกุลเงินดิจิทัลนั้นไปขายในแพลตฟอร์มการซื้อขาย cryptocurrencies ต่าง ๆ หรือในตลาดนัดระหว่างผู้ถือสิทธิ์
- เมื่อระยะเวลาล็อกอัพสิ้นสุด: เมื่อระยะเวลาล็อกอัพสิ้นสุด (เรียกว่า “ปลดล็อกอัพ” หรือ “Unlock”), ผู้ถือสิทธิ์จะได้รับสิทธิ์ในการขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลนั้นตามต้องการ
- การทำรายการการขายหรือแลกเปลี่ยน: การขายหรือแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลหลังจากปลดล็อกอัพสามารถทำได้ในแพลตฟอร์มการซื้อขาย cryptocurrencies ต่าง ๆ หรือในตลาดสัญญาซื้อขาย cryptocurrency ที่รอบรู้โครงการนั้น ๆ โดยผู้ถือสิทธิ์จะต้องทำการตรวจสอบและทำรายการตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่กำหนดโดยโครงการ
- ความสำคัญของ Lockup Period: Lockup Period มีความสำคัญในการป้องกันการขายสกุลเงินดิจิทัลในระยะเวลาเริ่มต้นเมื่อราคามีความเสี่ยงต่อการลดลง ซึ่งช่วยให้โครงการและทีมพัฒนามีเวลาในการดำเนินงานและสร้างความนิยมก่อนที่ผู้ถือสิทธิ์จะได้รับสิทธิ์ในการขาย
ตัวอย่าง Lockup Period crypto
นี่คือตัวอย่างของ Lockup Period ใน cryptocurrencies จาก ICO (Initial Coin Offering) หรือ STO (Security Token Offering) ที่มีการล็อกอัพเป็นเครื่องมือในการควบคุมการขาย:
- EOS (EOS.IO): ใน ICO ของ EOS ในปี 2017, มีการใช้ Lockup Period เพื่อควบคุมการขายสกุลเงิน EOS หลังจาก ICO เป็นระยะเวลา 1 ปี (365 วัน) โดยผู้ลงทุนที่เข้าร่วม ICO จะไม่สามารถขายหรือโอน EOS ได้ภายในระยะเวลานี้
- Telegram Open Network (TON): ใน ICO ของ TON ในปี 2018, มี Lockup Period ที่ถูกกำหนดเป็นระยะเวลา 4 เดือนหลังจากการจำหน่ายสกุลเงิน GRAM ผู้ถือสิทธิ์ไม่สามารถขาย GRAM ได้ภายในระยะเวลานี้
- Filecoin (FIL): ใน ICO ของ Filecoin ในปี 2017, มี Lockup Period ที่มีระยะเวลาเป็น 6 ถึง 12 เดือน ซึ่งผู้ลงทุนต้องรอเวลาในช่วงนี้ก่อนที่จะขายหรือโอน FIL ไปยังผู้อื่น
- Polkadot (DOT): ใน ICO ของ Polkadot ในปี 2017, มี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ลงทุนรอเป็นเวลา 28 วันหลังจาก ICO โดยไม่สามารถขาย DOT ในช่วงเวลานี้ได้
- Binance Coin (BNB): ใน ICO ของ Binance Coin ในปี 2017, มี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ลงทุนรอเป็นเวลา 3 ถึง 10 วัน ก่อนที่จะขาย BNB
- Tezos (XTZ): ใน ICO ของ Tezos, มี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ลงทุนรอเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะสามารถขาย XTZ ที่ได้รับ.
- Chainlink (LINK): Chainlink ไม่ได้จัด ICO แต่มีการจำหน่ายสกุลเงิน LINK ในระยะแรกของโครงการ ซึ่งมี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ลงทุนรอเวลา 1 ปีก่อนที่จะสามารถขาย LINK ที่ได้.
- Cosmos (ATOM): ใน ICO ของ Cosmos, มี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ลงทุนรอเป็นเวลา 21 วัน ก่อนที่จะสามารถขาย ATOM ที่ได้รับ.
- Cardano (ADA): Cardano ไม่ได้จัด ICO แต่มีการจำหน่าย ADA ในระยะแรกของโครงการ โดยไม่มี Lockup Period แต่การขายในระยะแรกนั้นมีการควบคุมในการขายในปริมาณมาก.
- Ethereum 2.0 (ETH2): Ethereum 2.0 ในการย้ายจาก Proof of Work (PoW) ไปเป็น Proof of Stake (PoS) มี Lockup Period ที่กำหนดให้ผู้ร่วมก้าวไปยังเครือข่าย PoS ต้องรอเป็นเวลาประมาณ 2-24 ชั่วโมงก่อนที่จะถอนเงิน.
ข้อมูลข้างต้นเป็นตัวอย่างของโครงการ cryptocurrencies ที่มี Lockup Period ที่ถูกกำหนดใน ICO หรือ STO ของพวกเขา เหล่านี้มีระยะเวลาล็อกอัพที่แตกต่างกันตามโครงการและข้อกำหนดของแต่ละโครงการ โดย Lockup Period ช่วยควบคุมการขายและควบคุมความนิยมของโครงการ cryptocurrencies ในระยะเริ่มต้นและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดในระยะยาว
ประโยชน์ของ Lockup Period crypto
Lockup Period ในโลกของ cryptocurrencies มีประโยชน์หลายอย่างที่ส่งผลดีต่อโครงการและผู้ลงทุนดังนี้:
- ควบคุมการขายในระยะเริ่มต้น: Lockup Period ช่วยในการควบคุมการขายสกุลเงินดิจิทัลในระยะเริ่มต้นของโครงการหลังจาก ICO หรือ STO โดยผู้ลงทุนจะต้องรอจนกว่าระยะเวลาล็อกอัพจะสิ้นสุดก่อนที่จะขายได้ นี้ช่วยป้องกันความผิดปกติและการขายรวดเร็วที่อาจทำให้ราคาลดลงอย่างมากในระยะเริ่มต้นของโครงการ
- สร้างความนิยมและความเชื่อมั่น: การล็อกอัพส่งสัญญาณให้ผู้ลงทุนรายอื่นรู้ว่าทีมพัฒนาและผู้สร้างโครงการมีความเชื่อมั่นในโครงการของพวกเขาและระบุว่าพวกเขาไม่มีความจำเป็นจะขายสกุลเงินดิจิทัลในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ซึ่งอาจช่วยสร้างความนิยมและความเชื่อมั่นในตลาด
- ส่งความมั่งคั่ง: Lockup Period ช่วยในการส่งความมั่งคั่งของผู้ลงทุนให้ทีมพัฒนาของโครงการ โดยให้เวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ และทำให้ทีมพัฒนาสามารถรวบรวมทุนเพิ่มเติมหากต้องการ
- ลดความเสี่ยงของโครงการ: โครงการ cryptocurrencies มักมีความเสี่ยงสูงในระยะเริ่มต้น การล็อกอัพช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนจะขายสกุลเงินดิจิทัลในระยะเริ่มต้นเมื่อราคามีความเสี่ยงต่อการลดลง ซึ่งช่วยให้โครงการมีโอกาสในการเจริญเติบโตในระยะยาว
- ปรับปรุงความนิยมของโครงการ: Lockup Period สามารถถูกใช้เพื่อปรับปรุงความนิยมของโครงการในระยะยาว โดยสร้างความรอคอยในตลาดและสร้างความบวกเชื่อมั่นในโครงการนั้น
- การควบคุมความเผชิญกับการขายในระยะเวลาสั้น: การล็อกอัพช่วยควบคุมความเผชิญกับการขายที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสั้นหลังจากเริ่มต้นการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสามารถลดความผิดปกติและการซื้อขายที่ไม่มีเหตุผลในตลาด