Multi-Signature Wallet คืออะไร อธิบายข้อมูล

Multi Signature Wallet คืออะไร
Multi Signature Wallet คืออะไร
Multi Signature Wallet คืออะไร

Multi-Signature Wallet คืออะไร

Multi-signature (หรือ Multisig) Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่มีความแตกต่างจากกระเป๋าเงินดิจิทัลทั่วไปโดยมีคุณสมบัติที่ให้ Private Keys (กุญแจส่วนตัว) หลายตัวมีสิทธิ์เข้าถึงหรือทำการโอนสินทรัพย์คริปโตของคุณได้ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดกฏการเข้าถึงเองได้ รวมถึงจำนวน Key ขั้นต่ำที่ต้องใช้เพื่อทำการดำเนินการในกระเป๋าเงินนี้ การใช้ Multisig Wallets นับเป็นหนึ่งในวิธีการเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บและการจัดการกับสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ โดยเฉพาะเมื่อมีสินทรัพย์ที่ต้องการการอนุมัติหลายฝ่าย เช่น องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Autonomous Organizations หรือ DAOs) กระเป๋าเงินแบบนี้ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าสินทรัพย์ของคุณจะถูกเข้าถึงเฉพาะเมื่อมีผู้ถือ Key หลายคนมอบความอนุมัติ

Multisig Wallets ส่วนใหญ่จะต้องการอย่างน้อย 3 คีย์ส่วนตัวและจำนวนคีย์ที่ต้องใช้สำหรับการเข้าถึงจะกำหนดไว้ล่วงหน้า สำหรับกระเป๋าเงินแบบนี้เพื่อให้มีการเข้าถึงต้องใช้คีย์อย่างน้อย 2 คีย์เพื่อดำเนินการ นั่นหมายความว่าหากคุณสูญเสียคีย์ 1 คีย์ คุณยังคงมีคีย์อีก 2 คีย์ที่สามารถใช้งานเพื่อเข้าถึงสินทรัพย์ของคุณได้ การใช้งาน Multisig Wallets เป็นวิธีที่ดีในการลดความเสี่ยงในกรณีที่คีย์หนึ่งหายไปหรือถูกแซงชนในกระบวนการการเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ

Multisig Wallet มีหลักการทำงานอย่างไร

Multisig Wallet (หรือ Multisignature Wallet) ทำงานโดยใช้หลักการทำงานแบบมัลติซิกเนเจอร์ (Multisig) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความควบคุมในการจัดเก็บและใช้สินทรัพย์ดิจิทัล หลักการทำงานนี้ช่วยให้ Multisig Wallet เป็นเครื่องมือที่มีความควบคุมและความปลอดภัยสูงขึ้นในการจัดการและใช้สินทรัพย์ดิจิทัล และมีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในบริบทที่ต้องการการอนุมัติหลายระดับหรือการควบคุมการเข้าถึงสินทรัพย์ของหลายบุคคล หลักการทำงานของ Multisig Wallet สามารถสรุปได้ดังนี้

Multisig Wallet มีหลักการทำงานอย่างไร
Multisig Wallet มีหลักการทำงานอย่างไร
  1. การกำหนดจำนวนลายเซ็น: ใน Multisig Wallet, ผู้ใช้งานต้องกำหนดว่าในการทำธุรกรรมจะต้องมีจำนวนลายเซ็นขั้นต่ำเท่าใดที่จำเป็นต้องใช้ เช่น 2 จาก 3 หรือ 3 จาก 5 ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการเซ็นลายเซ็นจากผู้ใช้อย่างน้อยตามจำนวนที่กำหนดไว้ เพื่อให้ธุรกรรมสามารถดำเนินการได้.
  2. การสร้างหรือเปิดกระเป๋าเงิน: เมื่อผู้ใช้กำหนดจำนวนลายเซ็นและผู้ใช้ที่มีสิทธิ์ในกระเป๋าเงิน เริ่มต้นการสร้าง Multisig Wallet โดยกระบวนการนี้มักจะมอบคีย์คู่ (Public Key และ Private Key) แก่ผู้ใช้แต่ละคน ซึ่ง Public Key จะถูกใช้ในการระบุตัวตนของผู้ใช้.
  3. การทำธุรกรรม: เมื่อผู้ใช้ต้องการทำธุรกรรม เช่น การโอนเงินจากกระเป๋าเงิน Multisig Wallet ผู้ใช้จะสร้างข้อมูลที่เป็น Transaction Data และเซ็นลายเซ็นด้วย Private Key ของตนเอง กระบวนการนี้มีความคล้ายกับการทำธุรกรรมในกระเป๋าเงินดิจิทัลปกติ.
  4. การอนุมัติและเซ็นลายเซ็น: หลังจากผู้ใช้สร้าง Transaction Data และเซ็นลายเซ็นด้วย Private Key ของตนเอง จะต้องมีการอนุมัติจากผู้ใช้อื่นๆ ตามจำนวนลายเซ็นที่กำหนดไว้ใน Multisig Wallet นั่นหมายความว่าคุณจะต้องรอให้ผู้ใช้อื่นเซ็นลายเซ็น Transaction Data เพิ่อทำให้ธุรกรรมสามารถดำเนินการได้.
  5. การทำธุรกรรมสำเร็จ: หากมีจำนวนลายเซ็นที่เพียงพอและลายเซ็นถูกต้องตามกฎการใช้งาน ธุรกรรมจะถือว่าสำเร็จ และจะถูกบันทึกในบล็อกเชนหรือเครือข่ายของสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งจะทำให้การทำธุรกรรมเป็นสิ่งที่ถูกต้องและปลอดภัย.

ข้อดีของ Multi-Signature Wallet

Multi-Signature Wallet (หรือ Multisig Wallet) มีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้มันเป็นเครื่องมือที่น่าสนใจในการจัดเก็บและใช้สินทรัพย์ดิจิทัล นี่คือข้อดีสำคัญของ Multisig Wallet:

ข้อดีของ Multi Signature Wallet
ข้อดีของ Multi Signature Wallet
  1. ความปลอดภัยเพิ่มขึ้น: การใช้ Multisig Wallet เพิ่มระดับความปลอดภัยในการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัล เนื่องจากจำเป็นต้องมีการอนุมัติจากหลายคนในการทำธุรกรรม ซึ่งทำให้ลดความเสี่ยงในกรณีที่มีคีย์ส่วนตัวหายหรือถูกแซงชนในกระบวนการการใช้งาน.
  2. การควบคุมและความน่าเชื่อถือ: Multisig Wallet ช่วยให้มีการควบคุมและความน่าเชื่อถือในการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคุณสามารถกำหนดกฏการใช้งานและผู้มีสิทธิ์ในการอนุมัติที่ต้องการก่อนที่จะทำธุรกรรม.
  3. ป้องกันการหายหรือการแอบแซง: การใช้ Multisig Wallet ช่วยป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลจากการหายหรือการแอบแซงโดยผู้ไม่พึงประสงค์ เนื่องจากต้องมีการอนุมัติจากผู้ใช้อื่นๆ ในการทำธุรกรรม.
  4. การอนุมัติหลายระดับ: Multisig Wallet เหมาะสำหรับบริบทที่ต้องการการอนุมัติหลายระดับ อย่างเช่น ธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการการอนุมัติจากหลายผู้บริหารก่อนที่จะดำเนินการทางการเงิน.
  5. การสร้างกระเป๋าเงินที่ไว: การสร้าง Multisig Wallet ที่มีความปลอดภัยใช้เวลาไม่นานและง่ายต่อการจัดการ ซึ่งทำให้มีความสะดวกในการจัดเก็บและใช้สินทรัพย์ดิจิทัล.
  6. การใช้งานใน DAOs และองค์กรที่กระจายอำนาจ: Multisig Wallet เหมาะสำหรับการใช้งานในรูปแบบ Decentralized Autonomous Organizations (DAOs) หรือ องค์กรที่กระจายอำนาจ เนื่องจากมันช่วยให้มั่นใจได้ว่าสิทธิ์และการอนุมัติถูกควบคุมได้อย่างเหมาะสม.

ข้อเสียของ Multi-Signature Wallet

การใช้งาน Multisig Wallet เหมาะสำหรับบริบทที่ต้องการความปลอดภัยและการควบคุมสูง แต่ยังมีข้อเสียและความซับซ้อนในการใช้งานที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อเลือกใช้เครื่องมือนี้ การใช้ Multi-Signature Wallet (หรือ Multisig Wallet) มีข้อเสียบางอย่างที่ควรพิจารณาดังนี้

ข้อเสียของ Multi Signature Wallet
ข้อเสียของ Multi Signature Wallet
  1. ความซับซ้อนในการใช้งาน: การใช้งาน Multisig Wallet มักมีขั้นตอนและกระบวนการที่ซับซ้อนมากกว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลปกติ นอกจากนี้ยังต้องมีการจัดการกับหลาย Private Key ที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการทำธุรกรรม ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกยุ่งยากหรือลำบากในการใช้งาน.
  2. ความเสี่ยงในการสูญเสีย Key: การใช้ Multisig Wallet มีประสิทธิภาพในการป้องกันการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อมี Key หายไป แต่หากผู้ใช้สูญเสีย Key หลายตัวพร้อมกัน การกู้คืนสินทรัพย์อาจกลายเป็นภาระที่ยากและซับซ้อน.
  3. การติดตามและการอนุมัติ: การใช้ Multisig Wallet จะต้องมีการติดตามและการอนุมัติจากผู้ใช้หลายคนในกระบวนการทำธุรกรรม ซึ่งอาจทำให้กระบวนการใช้งานล่าช้าขึ้นในบางกรณี และความล่าช้านี้อาจไม่เหมาะสมในบริบทที่ต้องการการทำรายการอย่างรวดเร็ว.
  4. การสูญเสียคีย์หลายคน: หากมีผู้ถือ Key หลายคนใน Multisig Wallet และมีคนหนึ่งหายไปหรือถูกประสานกับคีย์ส่วนตัว การกู้คืนความสามารถในการเข้าถึงสินทรัพย์อาจเป็นภาระที่ซับซ้อนและเสี่ยงในบางกรณี.
  5. ความเชื่อถือในผู้มีสิทธิ์: การใช้ Multisig Wallet มักต้องขึ้นอยู่กับความเชื่อถือในผู้มีสิทธิ์ในการอนุมัติ ถ้ามีคนหนึ่งหรือหลายคนในกลุ่มที่มีสิทธิ์ที่ไม่มีความสมัครใจหรือกระทำผิดระเบียบ อาจสร้างปัญหาในการดำเนินการ.

ตัวอย่างของ Multi-Signature Wallet

ตัวอย่างของ Multisig Wallets ที่ใช้ในโลกความเป็นจริง โดยมีหลายเครื่องมือและบริการที่สนับสนุนเทคโนโลยี Multisig ในการจัดเก็บและจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลในวงการสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชนนี่คือตัวอย่างของ Multisig Wallet ดังนี้

  1. Bitcoin Multisig Wallet: บิทคอยน์ (Bitcoin) เป็นสกุลเงินดิจิทัลแรกที่ใช้เทคโนโลยี Multisig Wallet อย่างแพร่หลาย ผู้ใช้ Bitcoin สามารถสร้าง Multisig Wallet โดยใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น Electrum หรือ BitGo ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดจำนวนลายเซ็นที่จำเป็นและผู้ถือ Key ในกระเป๋าเงิน Multisig Wallet ได้.
  2. Ethereum Multisig Wallet: Ethereum ก็มี Multisig Wallet ในรูปแบบของสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่ช่วยในการจัดการการอนุมัติและเซ็นลายเซ็นในกระบวนการทำธุรกรรม. Multisig Wallets บน Ethereum สามารถสร้างขึ้นโดยใช้สัญญาอัจฉริยะหรือวิธีการอื่นๆ และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในโลกของ DeFi (Decentralized Finance) และ DAOs (Decentralized Autonomous Organizations).
  3. Trezor Model T: Trezor เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตสำหรับการจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลที่รองรับ Multisig Wallets โดยใช้หลาย Private Key สำหรับความปลอดภัยและการควบคุมสูง ผู้ใช้ Trezor Model T สามารถกำหนด Multisig Wallets ได้ตามต้องการเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บสินทรัพย์.
    Trezor Model T
    Trezor Model T
  4. Casa Multisig: Casa เป็นบริการที่ให้ความช่วยเหลือในการจัดการ Multisig Wallets ของ Bitcoin ในรูปแบบที่เรียกว่า “Casa Keymaster” ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดการอนุมัติและเข้าถึงสินทรัพย์ Bitcoin ของตนได้อย่างปลอดภัย.
  5. Coinkite Coldcard: Coldcard คือฮาร์ดแวร์วอลเล็ตสำหรับ Bitcoin ที่สามารถสร้าง Multisig Wallets และมีความสามารถในการตรวจสอบการทำธุรกรรมในสภาพแวดล้อมออฟไลน์เพื่อเพิ่มความปลอดภัย.
  6. GreenAddress by Blockstream: GreenAddress เป็นบริการกระเป๋าเงิน Multisig สำหรับ Bitcoin ที่จัดการคีย์ส่วนตัวให้ผู้ใช้และมีความปลอดภัยและควบคุมสูง.
  7. Ledger Nano S/X with Ledger Live: ผู้ใช้ Ledger Nano S หรือ Ledger Nano X สามารถใช้ Ledger Live เพื่อสร้าง Multisig Wallets ในสกุลเงินดิจิทัลต่างๆ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้มีการควบคุมและความปลอดภัยในการจัดเก็บสินทรัพย์.