Proof of Assignment (PoA) คืออะไร

Proof of Assignment (PoA) คืออะไร การทำงานของ Proof of Assignment
Proof of Assignment (PoA) คืออะไร การทำงานของ Proof of Assignment
Proof of Assignment (PoA) คืออะไร การทำงานของ Proof of Assignment

Proof of Assignment (PoA) คืออะไร

Proof of Assignment (PoA) เป็นแนวคิดที่เกี่ยวกับการยืนยันว่าคอมพิวเตอร์หรือรายการข้อมูลได้รับมอบหมายให้ทำงานหนึ่งหรือหลายอย่างในระบบคอมพิวเตอร์แบบกระจาย (decentralized computing) หรือบล็อกเชน (blockchain) โดยใช้การสร้างหลักฐานที่แน่ชัดว่าการมอบหมายนี้ได้รับการทำรายการอย่างถูกต้องและถูกตรวจสอบโดยผู้เข้าร่วมในระบบหรือเครือข่าย PoA มักให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของระบบโดยการให้ผู้รับมอบหมายเป็นผู้มีความเชื่อถือในระบบและมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยและความถูกต้องของข้อมูล.

PoA มักถูกนำมาใช้ในระบบบล็อกเชนและสมาร์ทคอนแทร็ค (smart contracts) เพื่อป้องกันการกระทำที่ไม่ถูกต้องและป้องกันการโกงในระบบ การทำ PoA สามารถปฏิบัติได้โดยการมอบหมายบทบาทหรือการทำงานให้กับผู้เข้าร่วมในเครือข่ายหรือโหนด (nodes) และผู้ที่ได้รับมอบหมายจะต้องใช้สิทธิ์ของตนเองในการทำรายการหรือบันทึกข้อมูลตามที่กำหนดไว้ใน PoA ซึ่งตัวอย่าง PoA ที่มีชื่อเสียงคือ “Proof of Authority” ที่ใช้ในระบบบล็อกเชน Ethereum สำหรับรันโหนดสำคัญ ๆ และการสร้างบล็อกในเครือข่ายส่วนตัว.

การทำงานของ Proof of Assignment

ระบบ PoA ช่วยในการควบคุมและความมั่นคงของระบบโดยการมอบหมายบทบาทและควบคุมผู้รับมอบหมาย ทำให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้า และช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการโกงหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องในระบบบล็อกเชนหรือระบบคอมพิวเตอร์แบบกระจายการทำงานของ Proof of Assignment (PoA) มีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้

การทำงานของ Proof of Assignment
การทำงานของ Proof of Assignment
  1. การมอบหมายบทบาท: ในระบบ PoA จะมีการมอบหมายบทบาทหรือการทำงานให้กับผู้รับมอบหมาย (assigned entities) หรือโหนด (nodes) ในระบบ โดยบทบาทที่มอบหมายอาจเป็นการทำรายการบนบล็อกเชน หรือการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบ.
  2. การตรวจสอบ: ผู้รับมอบหมายต้องทำการตรวจสอบความถูกต้องและความถูกต้องของการกระทำที่มอบหมายให้ทำ ซึ่งการตรวจสอบนี้สามารถประกอบไปด้วยการตรวจสอบลายเซ็นดิจิทัล การตรวจสอบข้อมูลที่ถูกส่งมา หรือข้อกำหนดเฉพาะที่ผู้รับมอบหมายต้องปฏิบัติตาม.
  3. การบันทึกข้อมูล: หากการกระทำได้รับการตรวจสอบและอนุมัติให้ถูกต้อง ผู้รับมอบหมายจะทำการบันทึกข้อมูลหรือการกระทำลงในบล็อกเชนหรือระบบคอมพิวเตอร์แบบกระจายตามที่มีการมอบหมาย.
  4. การสร้างหลักฐาน: การบันทึกข้อมูลหรือการกระทำที่ถูกบันทึกลงในระบบจะเป็นหลักฐานที่แสดงว่าการมอบหมายได้รับการทำตามที่กำหนดและเป็นไปตามข้อกำหนดที่ถูกต้อง หลักฐานเหล่านี้จะช่วยในการตรวจสอบและตรวจสอบการกระทำในอนาคต.
  5. การอนุมัติและเผยแพร่: ขึ้นอยู่กับระบบและบทบาทที่มอบหมาย ผู้รับมอบหมายอาจต้องรายงานหรือส่งข้อมูลที่ได้รับอนุมัติไปยังระบบหรือผู้ใช้งานอื่น ๆ ซึ่งการเผยแพร่ข้อมูลนี้อาจต้องอาศัยการใช้เครือข่ายหรือวิธีการอื่น ๆ ที่เหมาะสม.

ตัวอย่างการใช้งาน Proof of Assignment

นี่คือตัวอย่างการใช้งาน Proof of Assignment (PoA) ในรูปแบบของ “Proof of Authority” (PoA) ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรโตคอลการสร้างบล็อกของ Ethereum สำหรับระบบส่วนตัวหรือเครือข่ายส่วนตัว:

ตัวอย่างการใช้งาน Proof of Assignment
ตัวอย่างการใช้งาน Proof of Assignment
  1. ระบบส่วนตัว: PoA ส่วนใหญ่ถูกนำมาใช้ในระบบบล็อกเชน Ethereum ที่เป็นระบบส่วนตัว (private blockchain) โดยมีโหนดหรือผู้รับมอบหมายที่เป็นคนควบคุมและรักษาความมั่นคงของระบบ ในกรณีนี้ PoA มีการใช้เพื่อตรวจสอบความเชื่อถือของโหนดและระบบ โดยเฉพาะในการอนุมัติการทำรายการและการสร้างบล็อกใหม่.
  2. องค์กรหรือธุรกิจ: PoA ก็สามารถนำมาใช้ในธุรกิจหรือองค์กรที่ต้องการระบบบล็อกเชนเพื่อควบคุมการทำรายการและความมั่นคงของข้อมูล โดย PoA จะช่วยให้องค์กรสามารถมอบหมายบทบาทและควบคุมผู้รับมอบหมายในการทำรายการ.
  3. เครือข่ายร่วมทางธุรกิจ: PoA ยังใช้ในเครือข่ายร่วมทางธุรกิจที่เปิดใช้งานเพื่อรวมองค์กรหลาย ๆ แห่งเข้าด้วยกันในการแบ่งปันข้อมูลหรือการทำรายการ การมอบหมายบทบาทและการควบคุมผู้รับมอบหมายยังคงเป็นส่วนสำคัญในการรักษาความน่าเชื่อถือในเครือข่ายนี้.
  4. การทำรายการบนบล็อกเชน: ใน PoA การทำรายการบนบล็อกเชนจะต้องผ่านการตรวจสอบโดยผู้รับมอบหมายก่อนที่จะถูกบันทึกลงในบล็อก เมื่อผู้รับมอบหมายตรวจสอบและรับรองความถูกต้องของการทำรายการ แล้วข้อมูลจะถูกบันทึกลงในบล็อกของระบบ.
  5. การบริหารและดูแล: PoA ยังช่วยในการบริหารและดูแลระบบในกรณีที่ต้องการทำการปรับปรุงหรือแก้ไขบล็อกหรือรายการที่ถูกบันทึกลงในบล็อกเชน โดยการมอบหมายบทบาทในการยืนยันและอนุมัติการแก้ไขหรือการเพิ่มข้อมูลใหม่เป็นสิ่งที่สำคัญในกระบวนการนี้.

ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Assignment

Proof of Assignment (PoA) เป็นโปรโตคอลที่มีข้อดีและข้อเสียต่าง ๆ ดังนี้:

ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Assignment
ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Assignment

ข้อดีของ Proof of Assignment

  1. ความมั่นคงและความเชื่อถือ: PoA มีความมั่นคงและความเชื่อถือสูง เนื่องจากมีการมอบหมายบทบาทและควบคุมผู้รับมอบหมายในระบบ นี่ช่วยลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำที่ไม่ถูกต้องและการโกง.
  2. ความรวดเร็ว: PoA มักมีความรวดเร็วในการยืนยันและการทำรายการ โดยไม่ต้องรอให้ผู้ใช้งานทั่วไปทุกคนมีสิทธิ์ในการยืนยัน เนื่องจากมีผู้รับมอบหมายที่เฉพาะเจาะจงในการทำงานนั้น.
  3. การปรับใช้งานง่าย: PoA ง่ายต่อการปรับใช้งานและการกำหนดค่า ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้งานในระบบส่วนตัวหรือองค์กรที่ต้องการควบคุมการทำรายการ.
  4. ประหยัดพลังงาน: การทำงานใน PoA ไม่ต้องใช้ประมาณพลังงานมากเมื่อเทียบกับโปรโตคอลอื่น เนื่องจากไม่ต้องใช้การคำนวณซับซ้อนและการแข่งขันในการทำบล็อก.

ข้อเสียของ Proof of Assignment

  1. จำกัดความแตกต่าง: PoA มีความผูกพันกับการมอบหมายบทบาทและควบคุมผู้รับมอบหมาย ซึ่งหมายความว่ามันไม่สามารถใช้ในระบบบล็อกเชนที่ต้องการความแตกต่างและความเป็นอิสระมากกว่า.
  2. ความไม่เป็นเสถียร: PoA อาจมีปัญหาในความเป็นเสถียรภายหลัง ถ้าผู้รับมอบหมายหรือโหนดหลาย ๆ ตัวตกลงทำงานร่วมกันเพื่อโกงระบบ ในกรณีนี้ PoA อาจไม่สามารถป้องกันการโกงได้.
  3. ขาดความนิยมในระบบเปิด: PoA มักถูกใช้ในระบบบล็อกเชนแบบเปิดในระดับส่วนตัวหรือธุรกิจ แต่ไม่ได้รับความนิยมในระบบบล็อกเชนแบบเปิดที่ต้องการความนิยมและเชื่อถือจากผู้ใช้ทั่วไป.
  4. ข้อจำกัดในการลงทุน: PoA อาจไม่มีการรางวัลสำหรับผู้รับมอบหมายในการทำงาน ซึ่งอาจทำให้ขาดความกระตือรือร้นในการร่วมมือในระบบ.

ข้อแตกต่างรหว่าง PoA , PoW และ PoS

Proof of Assignment (PoA), Proof of Work (PoW), และ Proof of Stake (PoS) เป็นโปรโตคอลต่าง ๆ ที่ใช้ในระบบบล็อกเชนและระบบคริปโตเคอร์เรนซี มีข้อแตกต่างในวิธีการทำงานและการให้สิทธิ์ในการสร้างบล็อกและการยืนยันการทำรายการ นี่คือข้อแตกต่างระหว่างพวกเขา:

ข้อแตกต่างรหว่าง PoA , PoW และ PoS
ข้อแตกต่างรหว่าง PoA , PoW และ PoS
  1. Proof of Work (PoW):
    • การทำงาน: PoW ต้องการการคำนวณทางคณิตศาสตร์แบบซับซ้อนเพื่อหาค่าแฮชที่มีค่าต่ำสุดที่เป็นไปได้ (nonce) เพื่อสร้างบล็อกใหม่. นักขุด (miners) จะต้องแข่งขันในการหา nonce ที่ถูกต้องและเร็วที่สุด.
    • ความนิยม: PoW มีความนิยมในบล็อกเชน Bitcoin และ Ethereum ก่อนหน้านี้ โดยที่ผู้ที่ทำงานบนระบบเรียกว่านักขุด (miners).
    • ปัญหา: การทำ PoW ต้องใช้พลังงานมากและมีค่าใช้จ่ายสูงในการดำเนินการคำนวณ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากการทำโครงงานแฮชแบบคริปโตกราฟิค (ASIC) ซึ่งมีการนำเสนอให้การขุด PoW เป็นเรื่องที่มีการแข่งขันคับคั่ง.
  2. Proof of Stake (PoS):
    • การทำงาน: PoS ไม่ใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์แบบซับซ้อนเหมือน PoW แต่ใช้การฝากเงิน (staking) เพื่อสร้างบล็อก. ผู้รักษา (validators) ต้องฝากเงินครอบครองระบบและในการตรวจสอบการทำรายการในบล็อก.
    • ความนิยม: PoS มีความนิยมใน Ethereum 2.0 และบล็อกเชนอื่น ๆ ซึ่งใช้โมเดล PoS หรือมีโปรโตคอล PoS ที่มีชื่อเสียงอย่าง Tezos, Cardano, และ Polkadot.
    • ปัญหา: PoS มีความเป็นไปได้ที่ผู้รักษาที่มีจำนวนเงินมากจะมีอิทธิพลมากขึ้นในการตัดสินใจในระบบ อีกทั้งมีความเสี่ยงจากการขายเหรียญที่ถือครอบครองได้ในระหว่างการฝากเงิน.
  3. Proof of Assignment (PoA):
    • การทำงาน: PoA ใช้การมอบหมายบทบาทและควบคุมผู้รับมอบหมายในการสร้างบล็อกและยืนยันการทำรายการ ผู้รับมอบหมายต้องดำเนินการตามคำสั่งและข้อกำหนดที่ถูกมอบหมายให้.
    • ความนิยม: PoA มักถูกใช้ในระบบบล็อกเชนส่วนตัวหรือระบบธุรกิจที่ต้องการควบคุมการทำรายการและความมั่นคงของข้อมูล.
    • ปัญหา: PoA มีความเสี่ยงในกรณีที่ผู้รับมอบหมายหลาย ๆ คนมีความตกลงกันในการทำงานร่วมกันเพื่อโกงระบบ แต่เมื่อใช้ในระบบบล็อกเชนส่วนตัวหรือธุรกิจที่ไว้วางใจผู้รับมอบหมาย มันสามารถทำงานได้ดี.