Proof of Believabitlity (PoB) คืออะไร

Proof of Believabitlity (PoB) คืออะไร
Proof of Believabitlity (PoB) คืออะไร
Proof of Believabitlity (PoB) คืออะไร

Proof of Believabitlity (PoB) คืออะไร

Proof of Believability (PoB) คืออัลกอริทึมคอนเซ็นซัสที่ถูกพัฒนาโดย IOST (Internet of Services Token) เพื่อใช้ในระบบบล็อกเชนของพวกเขา อัลกอริทึมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการดำเนินการทางการเงินในระบบแบบต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของโหนดที่รับผิดชอบในระบบ

PoB ใช้ตัวชี้วัดหลายอย่างเช่น ยอดเงิน IOST ในโหนดนั้น ๆ, ยอด SERVI (sub-token ที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนได้) ที่ได้รับ, จำนวนรีวิวที่เป็นบวกสำหรับโหนดนั้น, และปฏิบัติการหรือธุรกรรมที่เคยทำไว้ก่อนหน้า การคำนวณคะแนนความเชื่อถือของโหนดจะใช้พารามิเตอร์เหล่านี้มาช่วยกำหนด โดยคะแนนความเชื่อถือที่สูงขึ้นจะทำให้โอกาสที่โหนดนั้นถูกเลือกเป็นคนตรวจสอบมากขึ้น

PoB นี้จะแบ่ง validators (ผู้ตรวจสอบ) ออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ คือ credible validators (ผู้ตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ) และ normal validators (ผู้ตรวจสอบปกติ) โดย credible validators จะทำหน้าที่ตรวจสอบและประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้นในระยะแรก ส่วน normal validators จะทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมในระยะสองเพื่อปิดการดำเนินการและรับรองความถูกต้องของธุรกรรมที่ทำ

โอกาสที่โหนดถูกเลือกเป็น credible validators โดยโหนด credible validators คนอื่น ๆ จะได้รับการกำหนดคะแนนความเชื่อถือ โดยการคำนวณคะแนนนี้จะใช้ตัวชี้วัดหลายอย่างที่เรียกว่า SERVI tokens เช่นกัน ซึ่งถูกมอบให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมในระบบ หลังจากได้รับคะแนนความเชื่อถือแล้ว การเลือก validators จะพิจารณา SERVI tokens เหล่านี้เข้าไปในกระบวนการเลือก การใช้ Proof of Believability มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบบล็อกเชนที่รวดเร็วและปลอดภัย โดยใช้ความน่าเชื่อถือของผู้ตรวจสอบและระบบการป้องกันการกระทำที่เป็นอันตราย

ประวัติ Proof of Believabitlity

Proof of Believability (PoB) ถูกพัฒนาโดย IOST (Internet of Services Token) ซึ่งเป็นทีมพัฒนาและองค์กรที่สร้างแพลตฟอร์มบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล IOST token เพื่อสนับสนุนการดำเนินการในโลกดิจิทัลและการบริการออนไลน์ (Internet of Services) ทั้งนี้ PoB เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีบล็อกเชนของพวกเขาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการดำเนินการบนแพลตฟอร์ม IOST โดยเฉพาะในการทำธุรกรรมภายในระบบ PoB มีจุดประสงค์หลักที่เน้นไปที่ความเร็วในการดำเนินการและความน่าเชื่อถือของโหนดในระบบ โดยอนุญาตให้มีการทำธุรกรรมมากขึ้นโดยไม่สูญเสียความปลอดภัยและความถูกต้องของบล็อกเชน

แนวคิด Proof of Believabitlity

แนวคิดหลักของ Proof of Believability (PoB) คือการให้โหนดภายในระบบแบ่งกลุ่มออกเป็นสองประเภทหลัก คือ “คนน่าเชื่อถือ” และ “คนปกติ” เพื่อทำให้ระบบสามารถดำเนินการทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและมีความปลอดภัย แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมและลดการใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูล ลดค่าใช้จ่ายในด้านพลังงานทำงาน และค่าใช้จ่ายในการตั้งค่าสำหรับผู้ตรวจสอบ (validators) ในระบบ PoB โดยอธิบายแนวคิดและขั้นตอนการทำงานของ PoB ได้ดังนี้:

แนวคิด Proof of Believabitlity
แนวคิด Proof of Believabitlity
  1. คำนวณคะแนนความน่าเชื่อถือ: โหนดแต่ละตัวในระบบจะถูกกำหนดคะแนนความน่าเชื่อถือซึ่งจะคำนวณจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนเหรียญ IOST ที่โหนดถืออยู่ในระบบ จำนวนเหรียญ Servi ที่ได้รับ จำนวนรีวิวที่เป็นบวกต่อโหนด และการทำธุรกรรมที่โหนดเคยทำมาก่อนหน้านี้ คะแนนสูงยิ่งเพิ่มโอกาสที่โหนดนั้นจะถูกเลือก
  2. การทำธุรกรรมในระบบ: โหนดที่มีคะแนนความน่าเชื่อถือสูง (คนน่าเชื่อถือ) จะดำเนินการทำธุรกรรมในขั้นตอนแรกอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โหนดปกติจะตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในขั้นตอนที่สอง เพื่อให้การทำธุรกรรมเสร็จสิ้นและยืนยันความถูกต้อง
  3. การตรวจสอบโหนด: โหนดปกติจะต้องทำการตรวจสอบการทำธุรกรรมในระบบอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด การตรวจสอบนี้ช่วยตรวจจับการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือโหนดที่มีความผิดสำหรับโหนดที่มีความน่าเชื่อถือสูง โหนดที่ตรวจพบว่ามีความผิดจะถูกยึดทรัพย์และชื่อเสียภายในระบบ

โดยทั้งหมดนี้ทำให้ PoB สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของบล็อกเชน ลดความยุ่งยากในการดำเนินการทำธุรกรรม และเพิ่มความน่าเชื่อถือในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Proof of Believabitlity (PoB) ทำงานอย่างไร

Proof of Believability (PoB) เป็นอัลกอริทึมคอนเซ็นซัสที่ถูกพัฒนาโดย IOST (Internet of Services Token) เพื่อใช้ในระบบบล็อกเชนของพวกเขา อัลกอริทึมนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มความเร็วในการดำเนินการทางการเงินในระบบแบบต่อเนื่อง พร้อมทั้งรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของโหนดที่รับผิดชอบในระบบ

Proof of Believabitlity (PoB) ทำงานอย่างไร
Proof of Believabitlity (PoB) ทำงานอย่างไร

นี่คือวิธีที่ PoB ทำงานอย่างละเอียด:

  1. การคำนวณคะแนนความเชื่อถือ: ใน PoB แต่ละโหนด (validators) จะถูกกำหนดคะแนนความเชื่อถือ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เหล่านี้รวมถึงยอดเงิน IOST ในโหนดนั้น, จำนวน SERVI tokens ที่ได้รับ, จำนวนรีวิวที่เป็นบวกสำหรับโหนดนั้น, และธุรกรรมหรือการกระทำที่โหนดเคยทำไว้ก่อนหน้า คะแนนความเชื่อถือที่สูงขึ้นจะทำให้โอกาสที่โหนดนั้นถูกเลือกเป็นคนตรวจสอบมากขึ้น
  2. การแบ่งโหนด: PoB แบ่ง validators ออกเป็นสองกลุ่มหลัก ๆ คือ credible validators (ผู้ตรวจสอบที่น่าเชื่อถือ) และ normal validators (ผู้ตรวจสอบปกติ) โดย credible validators จะทำหน้าที่ตรวจสอบและประมวลผลธุรกรรมได้เร็วขึ้นในระยะแรก ส่วน normal validators จะทำหน้าที่ตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมในระยะสองเพื่อปิดการดำเนินการและรับรองความถูกต้องของธุรกรรมที่ทำ
  3. การแจกแจงธุรกรรม: การแจกแจงธุรกรรมไปยัง credible validators เป็นขั้นแรกและทำให้เกิดบล็อกขนาดเล็กมีความล่าช้าต่ำมาก โหนด credible validators สามารถรวมตัวกันเพื่อสร้างกลุ่มการตรวจสอบของตนเอง รวมถึงกรุปเล็กที่มีแค่หนึ่งโหนดตรวจสอบต่อกลุ่ม
  4. การตรวจสอบความปลอดภัย: เนื่องจากการตรวจสอบถูกดำเนินการโดยโหนดเดียวเท่านั้นในระยะแรก อาจเกิดปัญหาความปลอดภัยบางอย่างเมื่อมีการดำเนินธุรกรรมที่ไม่ถูกต้องโดยโหนด credible validators บางตัว เพื่อแก้ไขปัญหานี้ PoB กำหนดระยะเวลาในการตรวจสอบของ normal validators ซึ่งจะตรวจสอบธุรกรรมในระยะสอง โดยทำการตรวจสอบความสอดคล้องของธุรกรรม เมื่อพบว่าโหนด credible validators บางตัวทำธุรกรรมที่ไม่ถูกต้อง normal validators จะตรวจสอบและระบุความไม่เป็นไปตามกฏหมาย หากมีการตรวจพบว่าโหนด credible validators มีความไม่ซื่อสัตย์ normal validators จะยึดทรัพย์สินและความน่าเชื่อถือของโหนดนั้นในระบบ
  5. การรับรองความถูกต้อง: เมื่อ normal validators รับรองความถูกต้องแล้ว ธุรกรรมจะถูกจัดเก็บในบล็อกและระบุให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง และส่งต่อไปยังเครือข่ายของบล็อกเชน

อย่างนี้ PoB สามารถรักษาความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการของบล็อกเชน โดยอนุญาตให้มีความล่าช้าในการดำเนินการน้อยลง การใช้งาน PoB ยังลดการใช้พื้นที่เก็บข้อมูลลงและลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกำลังประมวลผลและการกำหนดค่าในการติดตั้งเมื่อเปรียบเทียบกับโปรโตคอล Proof-of-Work (PoW)

ข้อดีของ PoB

ข้อดีของ PoB
ข้อดีของ PoB
  1. ความเร็วและประสิทธิภาพสูง: PoB ช่วยเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรมในบล็อกเชน โดยการแบ่งโหนดออกเป็นกลุ่มคนน่าเชื่อถือและคนปกติ โหนดคนน่าเชื่อถือสามารถดำเนินการทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว และทำให้บล็อกเชนสามารถประมวลผลจำนวนมากของธุรกรรมได้ในเวลาเร็ว
  2. ลดค่าใช้จ่าย: PoB ช่วยลดค่าใช้จ่ายในด้านการจัดเก็บข้อมูล การประมวลผลพลังงานและการตั้งค่าสำหรับโหนดในระบบ เนื่องจากการทำธุรกรรมใน PoB จำเป็นต้องทำในขั้นตอนที่ไม่ต้องการการทำเหมืองแร่แบบ Proof of Work (PoW) ที่ต้องใช้พลังงานมาก
  3. การคัดเลือกโหนดที่มีความน่าเชื่อถือ: PoB ช่วยสร้างระบบการคัดเลือกโหนดที่มีความน่าเชื่อถือสูง โดยการคำนวณคะแนนความน่าเชื่อถือขึ้นอย่างรอบคอบ ผู้ที่มีคะแนนสูงจะมีโอกาสมากขึ้นในการรับมอบหมายให้ดำเนินการทำธุรกรรม
  4. การรักษาความเป็นส่วนตัวและตรวจสอบ: PoB สามารถช่วยในการรักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการทำธุรกรรมในบล็อกเชน โดยการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในขั้นตอนที่สอง
  5. ป้องกันการทุจริต: การตรวจสอบโหนดปกติใน PoB ช่วยตรวจจับโหนดที่ทำผิดและป้องกันการทุจริต โหนดที่ถูกตรวจจับว่าทำผิดจะสูญเสียทรัพย์สินและชื่อเสียในระบบ

ข้อเสียของ PoB

ข้อเสียของ PoB
ข้อเสียของ PoB
  1. ความซับซ้อน: PoB มีความซับซ้อนเมื่อเทียบกับบางระบบ consensus อื่น ๆ ที่ใช้ PoW หรือ PoS โดยคำนวณคะแนนความน่าเชื่อถือและขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลในสองขั้นตอนแตกต่างกัน
  2. การสูญเสียทรัพย์สินและชื่อเสีย: การถูกตรวจจับว่าทำผิดใน PoB จะทำให้โหนดสูญเสียทรัพย์สินและชื่อเสียในระบบ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความขาดเสียแก่ผู้ใช้ในกรณีที่โหนดถูกโกงหรือกระทำผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
  3. ความเสี่ยงจากโหนดคนน่าเชื่อถือ: การให้โหนดคนน่าเชื่อถือดำเนินการก่อนอาจเป็นโอกาสสำหรับโหนดที่มีความผิดสำหรับการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ถึงแม้การตรวจสอบจะมีในขั้นตอนถัดไป แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ว่าโหนดคนน่าเชื่อถืออาจกระทำการทุจริตก่อนที่จะถูกตรวจจับ
  4. การไม่เสถียร: การเลือกโหนดคนน่าเชื่อถืออาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเวลา ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่เสถียรในระบบการตรวจสอบ
  5. ความขาดเสียของ PoW: PoB อาจมีความขาดเสียในเรื่องของการบริหารจัดการความซับซ้อนและความน่าเชื่อถือของ PoW ที่มีความเสถียรและทนทานมากกว่า

รวมถึง PoB มีข้อดีมากในเรื่องของประสิทธิภาพและความคุ้มค่าของการใช้งานในบล็อกเชน แต่ควรพิจารณาข้อเสียด้วย โดยเฉพาะในเส้นทางสู่การใช้งานจริงในแต่ละโครงการและแง่มุมของผู้ใช้งานที่เฉพาะเจาะจงของแต่ละโครงการบล็อกเชนที่ใช้ PoB ควรรีบเก็บข้อมูลและประเมินความเหมาะสมของ PoB สำหรับวัตถุประสงค์ของตนเองและความต้องการในระบบบล็อกเชนที่จะใช้งานได้ดีที่สุดสำหรับโครงการนั้น