Proof of Importance (PoI) คืออะไร

Proof of Importance (PoI) คืออะไร
Proof of Importance (PoI) คืออะไร
Proof of Importance (PoI) คืออะไร

Proof of Importance (PoI) คืออะไร

“Proof of Importance (PoI)” คือหนึ่งในวิธีการยืนยันการทำธุรกรรมและความมีค่าของผู้เล่นในระบบบล็อกเชน สิ่งนี้ใช้กันโดยเฉพาะในระบบ NEM (New Economy Movement) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับสกุลเงินดิจิทัลและการโอนเงินดิจิทัลPoI ต่างจาก “Proof of Work (PoW)” และ “Proof of Stake (PoS)” ซึ่งเป็นวิธีการยืนยันการทำธุรกรรมในบริบทของสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ โดย PoI ไม่ใช้การคำนวณแรกเริ่ม (PoW) หรือการถือเหรียญ (PoS) ในการตรวจสอบธุรกรรม แต่มันใช้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมและความมีค่าของผู้ใช้ในระบบเพื่อกำหนดความสำคัญของพวกเขาในการรับสิทธิ์ในการสร้างบล็อกและรับรางวัล ปัจจุบัน NEM ได้ทำการอัปเกรดและพัฒนา PoI เป็น “Proof of Importance 2.0” เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือของระบบของพวกเขา. สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PoI หรือ NEM คุณสามารถตรวจสอบแหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตหรือเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ NEM ได้

Proof of Importance (PoI) มีอะไรบ้าง

Proof of Importance (PoI) เป็นวิธีการตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมในระบบ NEM (New Economy Movement) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลและบล็อกเชน โดย PoI ไม่เหมือนกับ Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) ซึ่งใช้การคำนวณทางคณิตศาสตร์หรือการถือเหรียญเป็นหลักในการยืนยันธุรกรรม แต่มันใช้ข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมและความมีค่าของผู้ใช้ในระบบ องค์ประกอบหลักของ PoI ประกอบด้วย

Proof of Importance (PoI) มีอะไรบ้าง
Proof of Importance (PoI) มีอะไรบ้าง
  1. การทำธุรกรรม (Transactions): การทำธุรกรรมใน PoI เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่มีผลในการคำนวณความสำคัญของผู้ใช้ในระบบ NEM การทำธุรกรรมนี้รวมถึงการส่งและรับ XEM หรือสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ในเครือข่าย NEM โดยปริมาณและมูลค่าของการทำธุรกรรมจะมีผลต่อความสำคัญของผู้ใช้ คำนวณความสำคัญจากการทำธุรกรรมช่วยส่งเสริมการใช้งานและการค้าขายในเครือข่าย NEM.
  2. การถือเหรียญ XEM (XEM Holdings): จำนวน XEM ที่ผู้ใช้ถือครองในบัญชีของพวกเขามีความสำคัญในการคำนวณความสำคัญของผู้ใช้ในระบบ PoI ผู้ใช้ที่ถือ XEM มากมายจะมีความสำคัญมากขึ้น นี่เป็นวิธีที่ PoI ส่งเสริมผู้ใช้ให้ถือเหรียญ XEM และรักษาสภาพคล่องของตลาด.
  3. การสื่อสารและเชื่อมโยง (Communication and Connectivity): การ PoI คิดน้ำหนักในการสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้ใช้อื่นในเครือข่าย การเชื่อมโยงและสื่อสารเชิงบวกกับผู้ใช้อื่น ๆ สามารถเพิ่มความสำคัญของผู้ใช้ใน PoI ซึ่งอาจประกอบด้วยการร่วมโปรเจ็กต์หรือกิจกรรมชุมชนอื่น ๆ ที่สร้างความเชื่อมโยงและสร้างสรรค์ในเครือข่าย NEM.
  4. การรักษาความปลอดภัย (Security Measures): การรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย NEM มีผลต่อความสำคัญของผู้ใช้ใน PoI การดูแลระบบและรักษาความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการแฮ็กและการโจมตี การรักษาความปลอดภัยที่ดีสามารถเพิ่มความสำคัญของผู้ใช้ใน PoI.

ระบบ NEM (New Economy Movement) คืออะไร

NEM (New Economy Movement) เป็นระบบบล็อกเชน (blockchain) ที่สร้างขึ้นเพื่อให้บริการการทำธุรกรรมดิจิทัลและการสร้างสัญญาอัจฉริยะ (smart contracts) โดยเฉพาะในด้านการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลและการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยในเครือข่าย ระบบ NEM ถูกสร้างขึ้นโดยกลุ่มนักพัฒนาในชุมชนและเปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 ซึ่งนับเป็นระบบบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมและมีความเสถียรที่สูงในโลกดิจิทัล นี่คือคุณสมบัติและแนวคิดหลักของ NEM:

ระบบ NEM (New Economy Movement) คืออะไร
ระบบ NEM (New Economy Movement) คืออะไร
  1. Proof of Importance (PoI): NEM ใช้ Proof of Importance (PoI) แทน Proof of Work (PoW) หรือ Proof of Stake (PoS) ในการคำนวณความสำคัญของผู้ใช้ในระบบ ความสำคัญของผู้ใช้จะถูกคำนวณขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ รวมถึงปริมาณการทำธุรกรรม การถือเหรียญ XEM การสื่อสารและการเชื่อมโยงกับชุมชน การ PoI ส่งเสริมผู้ใช้ที่มีพฤติกรรมที่ดีและการมีส่วนร่วมในระบบ NEM.
  2. สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contracts): NEM รองรับการสร้างสัญญาอัจฉริยะ ซึ่งเป็นโครงสร้างข้อมูลที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโปรแกรมการทำงานและการทำธุรกรรมได้อัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนด สัญญาอัจฉริยะมีประโยชน์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพของการทำธุรกรรมและการควบคุมการโอนสินทรัพย์.
  3. การโอนสินทรัพย์และการจัดเก็บข้อมูล: NEM มีความสามารถในการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลและการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยในเครือข่าย นี่เป็นคุณสมบัติหลักที่ทำให้ NEM เป็นที่นิยมในการใช้งานเพื่อการโอนเงินและการบันทึกข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัยและโปร่งใส.
  4. การเก็บเกี่ยวและการรับรางวัล: ผู้ใช้ที่มีความสำคัญสูงใน PoI มีสิทธิ์ในการสร้างบล็อกและรับรางวัลในรูปแบบของ XEM นี่เป็นวิธีที่ PoI ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีและการมีส่วนร่วมในระบบ NEM โดยไม่ต้องใช้พลังงานมากและไม่ขึ้นกับการถือเหรียญเพิ่มเติม.
  5. ความปลอดภัย: NEM มีระบบความปลอดภัยที่เสถียร การใช้ Proof of Importance (PoI) และการรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายช่วยในการป้องกันการโจมตีและการแฮ็ก.

ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Importance

Proof of Importance (PoI) ในระบบ NEM (New Economy Movement) มีข้อดีและข้อเสียดังนี้:

ข้อดีของ Proof of Importance

  1. ความเชื่อถือและความมีค่าของผู้ใช้: PoI ส่งเสริมความมีค่าของผู้ใช้ที่มีส่วนร่วมในระบบ โดยพันธมิตรการทำธุรกรรมบ่อย ๆ และการเชื่อมโยงในชุมชนสามารถเพิ่มความสำคัญของผู้ใช้.
  2. การกระจายเทคโนโลยี: PoI ไม่ต้องการการคำนวณทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเหมือนกับ Proof of Work (PoW) ที่ใช้พลังงานมากหรือ Proof of Stake (PoS) ที่ต้องถือเหรียญ ทำให้มีการใช้งานเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายต่ำมาก.
  3. ความเร็วและประสิทธิภาพ: ระบบ PoI ใน NEM มีการยืนยันธุรกรรมที่รวดเร็วและประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยให้มีการยืนยันและการทำธุรกรรมที่รวดเร็วมากขึ้น.
  4. ความยืดหยุ่นในการรับสิทธิ์: ใน PoI ผู้ใช้สามารถเพิ่มความสำคัญของพวกเขาได้โดยการกระจายการทำธุรกรรมและการเชื่อมโยงในชุมชน นั่นหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการมีส่วนร่วมในระบบสามารถทำได้ง่ายๆ และผู้ใช้สามารถเพิ่มความสำคัญของพวกเขาเมื่อพร้อม.
  5. ความเป็นสากล: PoI ไม่ขึ้นกับการใช้พลังงานหรือข้อจำกัดภูมิภาคเหมือนกับ PoW หรือ PoS ซึ่งทำให้เหมาะสมสำหรับระบบสากล ผู้ใช้จากทุกที่สามารถเข้าร่วมและมีส่วนร่วมในระบบ NEM ได้.

ข้อเสียของ Proof of Importance

ข้อเสียของ Proof of Importance
ข้อเสียของ Proof of Importance
  1. ความซับซ้อน: การคำนวณความสำคัญใน PoI อาจเป็นภาระที่ซับซ้อนและยากต่อการเข้าใจโดยผู้ใช้ทั่วไป การเข้าใจระบบและวิธีการคำนวณอาจใช้เวลาและความรู้มาก.
  2. การสร้างบล็อกโดยผู้ใช้ที่มีความสำคัญมาก: ระบบ PoI อาจทำให้ผู้ใช้ที่มีความสำคัญมากสร้างบล็อกและรับรางวัลอย่างเป็นกลางๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในการกระจายความเสมอภาคของการสร้างบล็อก.
  3. การแก้ไขการโจมตี: การ PoI อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของการโจมตี ผู้ไม่ประสงค์ดีอาจพยายามทำให้เกิดการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ PoI และความปลอดภัยของระบบ NEM.
  4. ความจำเป็นในการมี XEM: PoI ทำให้ความจำเป็นต้องมี XEM ในบัญชีเพื่อเพิ่มความสำคัญของผู้ใช้ นี่อาจจะเป็นข้อขัดแย้งสำหรับบางคนที่ไม่ต้องการถือเหรียญเพิ่ม.

การเปรียบเทียบระบบ PoI กับ PoW และ PoS

การเปรียบเทียบระบบ Proof of Importance (PoI) กับ Proof of Work (PoW) และ Proof of Stake (PoS) เป็นวิธีที่ดีในการเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างการทำงานของระบบการตรวจสอบทางบล็อกเชนต่าง ๆ ดังนี้:

Proof of Importance (PoI):

  1. การทำงาน: PoI ใช้การคำนวณความสำคัญของผู้ใช้ในเครือข่ายโดยใช้ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม ปริมาณและมูลค่าของการทำธุรกรรม จำนวน XEM ที่ถือครอง การสื่อสารและเชื่อมโยงกับผู้ใช้อื่น ๆ และการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย NEM.
  2. การบริหารระบบ: PoI ส่งเสริมความมีค่าและความรับผิดชอบของผู้ใช้ในระบบ ผู้ใช้ที่มีความสำคัญมากสามารถสร้างบล็อกและรับรางวัล นี่เป็นวิธีที่ PoI ส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีและการมีส่วนร่วมในระบบ NEM.

Proof of Work (PoW):

  1. การทำงาน: PoW ใช้ความสามารถในการคำนวณค่าแฮชของบล็อกที่มีความยากและต้องใช้พลังงานมาก เครือข่ายจะต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาทำงานและใช้พลังงานในการทำรายการ.
  2. การบริหารระบบ: PoW ต้องการการพิสูจน์ว่าผู้ใช้มีพลังงานคำนวณเพียงพอและมีการลงทุนในฮาร์ดแวร์ที่มีต้นทุนสูง นี่อาจจะทำให้ความกระจายของบล็อกไม่มีเสมอภาค.

Proof of Stake (PoS):

  1. การทำงาน: PoS ใช้จำนวนเหรียญที่ผู้ใช้ถือครองในการคำนวณความสำคัญ ผู้ใช้ที่ถือเหรียญมากสามารถสร้างบล็อกและรับรางวัล ระบบ PoS ไม่ต้องการการคำนวณค่าแฮชหรือการใช้พลังงานมากเหมือน PoW.
  2. การบริหารระบบ: PoS ไม่ต้องการการใช้พลังงานในการทำรายการแต่ต้องการให้ผู้ใช้ลงทุนในการถือเหรียญ ผู้ใช้ที่มีซอฟต์แวร์กระเป๋าที่ทันสมัยสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างบล็อก.

ข้อควรระวัง

ข้อควรระวัง PoI กับ PoW และ PoS
ข้อควรระวัง PoI กับ PoW และ PoS
  1. PoW ใช้พลังงานมากและส่งเสริมการใช้งานแรงงานคำนวณ มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม.
  2. PoS อาจทำให้ผู้ถือเหรียญมีความครอบครองมากเกินไปและเสี่ยงต่อการควบคุมระบบโดยกลุ่มหรือบุคคลที่มีความสำคัญ.
  3. PoI อาจมีความซับซ้อนในการคำนวณความสำคัญของผู้ใช้และการเพิ่มความสำคัญของผู้ใช้บางรายอาจทำให้เกิดปัญหาในการกระจายความเสมอภาคของการสร้างบล็อก.