Proof of Reputation (PoR) คืออะไร

Proof of Reputation (PoR) คืออะไร รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)
Proof of Reputation (PoR) คืออะไร รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)
Proof of Reputation (PoR) คืออะไร รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)

Proof of Reputation (PoR) คืออะไร

Proof of Reputation (PoR) เป็นหนึ่งในหลายๆ กลไกการเป็นพิสูจน์ (consensus mechanism) ที่ใช้ในบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) เพื่อให้การทำรายการและการตรวจสอบรายการมีความน่าเชื่อถือและปลอดภัย เป็นที่รู้จักมากในชุมชนสกุลเงินดิจิทัลในปัจจุบันโดยเฉพาะในเชิงวิเคราะห์และวิจัยเป็นระบบ PoR ใช้ค่าเสนอแนะจากผู้มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ในระบบเพื่อกำหนดบทบาทและสิทธิ์ในการตรวจสอบรายการในบล็อกเชนหรือเครือข่ายดิจิทัลที่เหมาะสม ใน PoR ผู้มีชื่อเสียง (reputable participants) ถือเป็นคนที่มีสถานะมั่นคงและเชื่อถือได้ในระบบ พวกเขาต้องทำการจ่ายค่ามัดจำหรือประทุษร้ายในกรณีที่พวกเขาไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบหรือทำการกระทำไม่เพียงพอ

PoR มุ่งเน้นการให้สิทธิ์ในการสร้างบล็อกหรือตรวจสอบรายการให้กับผู้มีชื่อเสียงเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความพิสูจน์ของการทำเหมือง (Proof of Work) หรือความพิสูจน์ของสถานะ (Proof of Stake) ที่ต้องการการคำนวณความซับซ้อนและการถือสิทธิ์ในสกุลเงินดิจิทัลเป็นปัจจัยสำคัญ PoR ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้การทำรายการในบล็อกเชนมีความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ แต่ยังมีระบบการจ่ายค่าตอบแทนให้กับผู้มีชื่อเสียงที่มีการมอบหมายให้ตรวจสอบและสร้างบล็อกอย่างถูกต้องและเพียงพอในบัญชีของสกุลเงินดิจิทัลนั้น ๆ อาจมีค่าตอบแทนในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลหรือค่าธรรมเนียมที่เรียกว่า “รางวัลบล็อก” (block reward) ที่มีราคาคงที่หรือราคาแปลงยิ่งไปกับความยากของการตรวจสอบบล็อกในระบบนั้น ๆ

Proof of Reputation (PoR) ทำงานอย่างไร

แนวคิดของ Proof of Reputation (PoR) เป็นเกี่ยวกับการใช้ความเชื่อถือและสถานะของผู้มีชื่อเสียงในระบบเพื่อสร้างความเชื่อถือและความมั่นคงในการดำเนินกิจการและการสร้างบล็อกในระบบเครือข่ายเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล ข้อดีของ PoR คือมันช่วยลดความผิดพลาดและความไม่น่าเชื่อถือในระบบ นี้คือคำอธิบายแต่ละข้ออย่างละเอียด:

Proof of Reputation (PoR) ทำงานอย่างไร
Proof of Reputation (PoR) ทำงานอย่างไร
  1. สร้างรายชื่อผู้มีชื่อเสียง: ใน PoR, การสร้างรายชื่อผู้มีชื่อเสียงเป็นขั้นตอนสำคัญ รายชื่อนี้รวมถึงผู้ที่มีสิทธิ์ในการตรวจสอบรายการและการจ่ายค่าบริการหรือรางวัลในระบบ การเลือกผู้มีชื่อเสียงสามารถดำเนินการผ่านวิธีต่าง ๆ เช่นโหวตจากสมาชิกในระบบหรือตามกฎระเบียบของเครือข่าย ผู้ที่มีชื่อเสียงจะต้องมีความรับผิดชอบและความสามารถในการตรวจสอบและสร้างบล็อก.
  2. การตรวจสอบรายการ: เมื่อมีการส่งรายการไปยังเครือข่าย เช่นการทำธุรกรรมดิจิทัลหรือการโอนเงิน, ผู้มีชื่อเสียงจะต้องตรวจสอบรายการนั้นว่าถูกต้องและเป็นไปตามกฎระเบียบ นอกจากนี้, พวกเขาจะต้องตรวจสอบว่าผู้ส่งรายการมีเงินทรัพย์เพียงพอในบัญชีของพวกเขาเพื่อรองรับรายการนี้ การตรวจสอบรายการมีความสำคัญเนื่องจากมันช่วยป้องกันการโกงและการทำรายการที่ไม่ถูกต้องในระบบ.
  3. การจ่ายค่าบริการหรือรางวัล: หากรายการผ่านการตรวจสอบโดยผู้มีชื่อเสียง, พวกเขาสามารถรับค่าบริการหรือรางวัลตามกฎระเบียบของเครือข่าย นี้อาจเป็นการรับค่าธรรมเนียมการทำรายการหรือรางวัลในรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัล เงินทรัพย์ที่จ่ายต้องมีความสอดคล้องกับกฎระเบียบและต้องเป็นการจ่ายค่าบริการที่ถูกต้องตามการดำเนินงานของระบบ.
  4. การรักษาความน่าเชื่อถือและความมั่นคง: ผู้มีชื่อเสียงจะต้องรักษาความน่าเชื่อถือและความมั่นคงในการดำเนินกิจการของพวกเขา การรักษาความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะผู้ใช้บริการของเครือข่ายจะต้องมั่นใจในความปลอดภัยและความถูกต้องของการดำเนินงาน หากผู้มีชื่อเสียงละเมิดกฎระเบียบหรือประพฤติผิด, พวกเขาอาจสูญเสียสิทธิ์ในการเป็นผู้มีชื่อเสียงในระบบ.

รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)

รูปแบบ Proof of Reserves (PoR) สามารถแบ่งออกเป็นหลายแบบตามวิธีการในการตรวจสอบเงินทรัพย์และสกุลเงินดิจิทัล ต่อไปนี้คือรูปแบบ PoR ที่บางองค์กรหรือธนาคารอาจใช้:

รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)
รูปแบบของ Proof of Reserves (PoR)
  1. การตรวจสอบผ่านเว็บ: บางบริษัทและธนาคารใช้เว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบเงินทรัพย์ที่มีอยู่ของพวกเขา ลูกค้าสามารถเข้าสู่ระบบออนไลน์เพื่อดูข้อมูลเงินทรัพย์และการตรวจสอบเงินทรัพย์ที่มีอยู่ โดยบริษัทหรือธนาคารจะต้องเผยแพร่ข้อมูลให้เป็นสาธารณะและสร้างระบบที่ให้ความถูกต้องและปลอดภัยสำหรับการตรวจสอบ
  2. การตรวจสอบโดยบุคคลที่สาม (Third-Party Verification): บางบริษัทหรือองค์กรอาจเรียนบริการบุคคลที่สามเพื่อทำการตรวจสอบ PoR ให้กับพวกเขา บุคคลที่สามจะตรวจสอบข้อมูลเงินทรัพย์และการรักษาความสอดคล้องกับ PoR ขององค์กร และหากข้อมูลถูกต้องและเพียงพอตามความต้องการ PoR จะได้รับการรับรอง
  3. การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน: บางบริษัทและสกุลเงินดิจิทัลใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้าง PoR ที่เชื่อถือได้ ข้อมูลเงินทรัพย์ที่ถืออยู่จะถูกบันทึกในบล็อกเชนโดยใช้เทคโนโลยีการสร้างและการเขียนสำเนาที่ไม่แก้ไขได้ (immutable) เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลไม่ได้ถูกปลอมแปลงหรือแก้ไข
  4. PoR โดยใช้การตรวจสอบภายใน (Internal Audit): บางบริษัทหรือองค์กรอาจใช้แผนกตรวจสอบภายในของตนเองเพื่อตรวจสอบเงินทรัพย์และสกุลเงินดิจิทัลที่พวกเขาถืออยู่ การตรวจสอบภายในจะตรวจสอบความสอดคล้องตามนโยบายและข้อกำหนดของ PoR และรายงานผลการตรวจสอบให้กับคณะกรรมการหรือบุคคลที่สาม
  5. การตรวจสอบโดยกำกับดูแล (Regulatory Oversight): บางสถาบันการเงินอาจต้องมีการตรวจสอบ PoR โดยหน่วยงานกำกับดูแลสากลหรือองค์กรตรวจสอบทางการเงิน เพื่อรักษาความถูกต้องและความเชื่อถือในการปฏิบัติงานของสถาบันการเงิน
  6. PoR โดยใช้สัญญาอัจฉริยภาพ (Smart Contract): การใช้สัญญาอัจฉริยภาพบนบล็อกเชนสามารถช่วยในการดำเนินการ PoR โดยอัตโนมัติ สัญญาอัจฉริยภาพสามารถตรวจสอบข้อมูลและสกุลเงินดิจิทัลที่ถืออยู่และสร้างรายงาน PoR ให้แก่ผู้ที่ต้องการ

ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Reputation (PoR)

Proof of Reputation (PoR) เป็นโมเดลการทำงานในระบบบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัลที่มีข้อดีและข้อเสียดังนี้:

ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Reputation (PoR)
ข้อดีและข้อเสียของ Proof of Reputation (PoR)

ข้อดีของ Proof of Reputation

  1. ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ: PoR ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือในระบบ โดยการให้ผู้มีชื่อเสียงเป็นผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบรายการและการจ่ายค่าบริการหรือรางวัล นี้ช่วยลดความเสี่ยงในการโกงและการทำรายการที่ไม่ถูกต้อง.
  2. ความเร็วและประสิทธิภาพ: PoR มักมีความเร็วในการดำเนินงานที่สูงกว่า Proof of Work (PoW) ซึ่งต้องการการคำนวณที่ซับซ้อน และมีการบริหารจัดการระบบที่มีประสิทธิภาพสูง.
  3. ความทันสมัยและสอดคล้องกับกฎระเบียบ: PoR ช่วยให้ระบบมีความสอดคล้องกับกฎระเบียบและการประกอบกิจการที่ถูกต้อง ผู้มีชื่อเสียงจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบเพื่อรักษาสถานะและความน่าเชื่อถือของพวกเขา.
  4. ความน่าเชื่อถือในการตรวจสอบบล็อก: การตรวจสอบบล็อกโดยผู้มีชื่อเสียงช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจในความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของบล็อกที่ถูกสร้างขึ้น.

ข้อเสียของ Proof of Reputation

  1. ขาดความนิยม: PoR ยังไม่ได้รับความนิยมเทียบกับ Proof of Work (PoW) และ Proof of Stake (PoS) ซึ่งเป็นโมเดลการทำงานที่มีชื่อเสียงมากขึ้น นั่นอาจทำให้มีความยากลำบากในการนำ PoR เข้าใช้ในระบบที่มีผู้ใช้มาก.
  2. การโจมตีแบบซ่อนเสียง: PoR อาจมีความอ่อนไหวต่อการโจมตีแบบซ่อนเสียง (Sybil Attack) หากมีผู้ไม่สุจริตพยายามสร้างหลายบัญชีผู้มีชื่อเสียงเพื่อควบคุมระบบ.
  3. ความซับซ้อนในการสร้างรายชื่อผู้มีชื่อเสียง: การสร้างรายชื่อผู้มีชื่อเสียงและการเลือกผู้มีชื่อเสียงอาจมีความซับซ้อนและต้องใช้เวลาในการดำเนินการ.
  4. ความขาดเสถียรภาพในระยะยาว: ในบางกรณี, PoR อาจไม่มีความเสถียรภาพในระยะยาวเนื่องจากการสูญเสียสิทธิ์ของผู้มีชื่อเสียงหรือการเปลี่ยนแปลงในสถานะและความชื่นชอบของผู้ใช้ในระบบ.

ความแตกต่างระหว่าง PoR และ PoW/PoS

Proof of Reputation (PoR) แตกต่างจาก Proof of Work (PoW) และ Proof of Stake (PoS) ในหลายประเด็นสำคัญเนื่องจากมีวัตถุประสงค์และแนวคิดในการทำงานที่แตกต่างกัน นี่คือความแตกต่างสำคัญระหว่างทั้งสาม:

ความแตกต่างระหว่าง PoR และ PoW PoS
ความแตกต่างระหว่าง PoR และ PoW PoS
  1. การเสมือนจริงของสิทธิ์ในการสร้างบล็อก:
    • PoW: ผู้ที่อยากสร้างบล็อกต้องแข่งขันในการคำนวณแบบซับซ้อนเพื่อพิสูจน์สิทธิ์ โดยใช้กำลังคูณความยาก (difficulty) ในการคำนวณ ผู้ที่สามารถหาคำตอบถูกต้องก่อนใครจะได้รับสิทธิ์ในการสร้างบล็อกและรับรางวัล.
    • PoS: ใน PoS, ผู้ที่จะสร้างบล็อกได้รับสิทธิ์โดยขึ้นอยู่กับจำนวนเหรียญสกุลเงินที่พวกเขาถืออยู่ ยิ่งมีเหรียญมากเท่าไหร่, ยิ่งมีโอกาสสร้างบล็อกและรับรางวัลมากขึ้น.
    • PoR: ใน PoR, ผู้ที่มีชื่อเสียงสูงและได้รับการเลือกโดยชุมชนจะได้รับสิทธิ์ในการสร้างบล็อกและรับรางวัล การสร้างบล็อกขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือและสถานะของผู้มีชื่อเสียง.
  2. การใช้งานกำลังความพร้อมใช้งาน (Energy Efficiency):
    • PoW: PoW ใช้จำนวนมากของกำลังคูณความพร้อมใช้งานในการคำนวณและสร้างบล็อก นี่ทำให้มีการใช้งานพลังงานสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.
    • PoS: PoS มีพลังงานน้อยกว่า PoW เนื่องจากไม่ต้องการการคำนวณแบบซับซ้อน และมักจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า.
    • PoR: PoR ยังไม่ได้ระบุเพิ่มเติมถึงการใช้งานพลังงานอย่างชัดเจน เนื่องจากหนึ่งในหลักการหลักของ PoR คือการรักษาความน่าเชื่อถือและความมั่นคงของผู้มีชื่อเสียง.
  3. การป้องกันการโจมตีแบบ Sybil:
    • PoW และ PoS มีความเสี่ยงในการโจมตีแบบ Sybil ซึ่งผู้ไม่สุจริตอาจสร้างหลายๆ บัญชีหรือมีการควบคุมบริเวณและยิ่งขยายสิทธิ์ของพวกเขาในเครือข่าย.
    • PoR: PoR ใช้ความน่าเชื่อถือและสถานะของผู้มีชื่อเสียงเพื่อป้องกันการโจมตีแบบ Sybil ผู้มีชื่อเสียงจะต้องรับการเลือกโดยชุมชน ซึ่งทำให้ยากขึ้นในการสร้างหลายบัญชีเพื่อการโจมตี.
  4. ความสำเร็จและการนำเสนอในโลกจริง:
    • PoW และ PoS ได้รับความนิยมและถูกนำเสนอในโครงการสกุลเงินดิจิทัลหลายราย มีระบบที่เปิดใช้งานและเสริมกันอย่างแท้จริง.
    • PoR: PoR ยังไม่ได้รับความนิยมมากขึ้นและยังไม่ได้รับการนำเสนอในสกุลเงินดิจิทัลหลายราย อาจจะต้องใช้เวลาในการพัฒนาและนำเสนอในโลกจริงมากกว่า PoW และ PoS.

สรุป

Proof of Reserves (PoR) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในสกุลเงินดิจิทัลและการธนาคารเพื่อตรวจสอบว่าองค์กรหรือบริษัทที่ดำเนินการด้วยสกุลเงินดิจิทัลมีเงินทรัพย์เพียงพอในการประกอบกิจการและรักษาความเชื่อถือจากลูกค้า ระบบ PoR มุ่งเน้นการตรวจสอบเงินทรัพย์ที่ถือครองและการรักษาความสอดคล้องกับ PoR ขององค์กร มีหลายรูปแบบของ PoR ที่สามารถใช้งานได้แตกต่างกันตามวิธีการในการตรวจสอบเงินทรัพย์ การใช้ PoR ช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการเก็บเงินสกุลเงินดิจิทัลของพวกเขาไว้กับผู้ให้บริการ และยังช่วยให้องค์กรหรือบริษัทในการรักษาความน่าเชื่อถือและความโปร่งใสในการดำเนินกิจการของพวกเขาในโลกของสกุลเงินดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยขึ้น