Satoshi Nakamoto ตัวจริง
ซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto) เป็นนามแฝงที่นับถือว่าเป็นตำนานในวงการเทคโนโลยีสกุลเงินดิจิตอล ผู้ซึ่งสร้าง Bitcoin ขึ้นมา และให้กำเนิดแรงบันดาลใจต่อการพัฒนาสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ในอนาคต
ย้อนกลับไปยุคปี 2008, โลกกำลังปะทะกับวิกฤตซับไพรส์ หรือ “วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์” สถาบันการเงินระดับโลกเช่น Lehman Brothers (เลห์มัน บราเธอร์ส) ต้องปิดตัว เนื่องจากการปล่อยสินเชื่อที่ปล่อยให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ, หรือที่เรียกว่า “Subprime Mortgages” ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตการเงินระดับโลกในยุคนั้น
ในเวลาเดียวกัน, ในตอนสิ้นปี 2008, ความลับที่ชื่อซาโตชิ นากาโมโตะเริ่มปรากฏตัว ด้วยการเผยแพร่ร่างแรกของ Bitcoin ผ่านกระดานข่าวออนไลน์ ด้วยความตั้งใจที่จะสร้างระบบการเงินที่ฉับไว, ระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ต้องพึ่งพาบุคคลใด ๆ หรือสถาบันการเงินเดียว, แต่จะไว้วางใจในความโปร่งใสและความยั่งยืนของเทคโนโลยี
ตั้งแต่นั้น, ซาโตชิ นากาโมโตะถูกพูดถึงมากในวงการ, แต่ยังคงเป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใคร ซาโตชิทำการพัฒนา Bitcoin และสื่อสารกับชุมชนผ่านกระดานข่าว แต่หายตัวไปอย่างฉับพลันประมาณปี 2010 จนถึงวันนี้, ว่าด้วยระบบการเงินที่ยืนยงและทัศนคติที่ปฏิวัติการเงินระดับโลก ซาโตชิ นากาโมโตะยังคงเป็นหัวข้อที่คนต่างพูดคุยและสืบสวนต่อไป
ใครคือผู้สร้าง bitcoin เป็นคนชาติใด
ตัวตนและชาติของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” (Satoshi Nakamoto), ผู้ที่เรียกว่าเป็นผู้สร้าง Bitcoin, ยังคงเป็นความลับจนถึงปัจจุบัน. นามแฝง “ซาโตชิ นากาโมโตะ” มีความเป็นญี่ปุ่น, แต่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าตัวตนจริงของซาโตชิเป็นคนชาติใด, หรือแม้กระทั่งเป็นหลายคนหรือไม่
หลายครั้งที่มีการพยายามที่จะค้นหาและเปิดเผยตัวตนของซาโตชิ, แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครที่สามารถยืนยันแน่นอนได้ว่าซาโตชิ นากาโมโตะเป็นใคร. ที่สำคัญ, ซาโตชิได้เลือกที่จะคงความลับนี้ไว้ด้วยตนเอง และไม่มีการแสดงตัวหรือตอบกลับคำถามต่าง ๆ ในชุมชนเกี่ยวกับตัวตนจริงของเขามานานแล้ว ดังนั้น, การตอบคำถามนี้ยังคงเป็นความท้าทาย และตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่นอนเกี่ยวกับชาติหรือตัวตนจริงของผู้สร้าง Bitcoin
Satoshi Nakamoto ประวัติ
การประวัติศาสตร์ของ Bitcoin เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2008 เมื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใต้นามแฝง “Satoshi Nakamoto” เผยแพร่เอกสารเรียกว่า “Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System” ในกระดานข่าวออนไลน์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับคนที่สนใจเรื่องการเข้ารหัส. เอกสารนี้เป็นรายงานแรกที่นำเสนอแนวคิดของ Bitcoin และวิธีการทำงานของมัน.
ในเอกสารของ Nakamoto แสดงให้เห็นวิสัยทัศน์ของระบบการทำงานของเงินสดดิจิทัลที่สามารถส่งโอนจากคนหนึ่งคนไปยังคนอื่นโดยไม่ต้องผ่านผู้สา intermediaries แบบที่ธนาคารทำ. แนวคิดนี้ได้รับการรังเกียจและสนับสนุนจากคนที่ต้องการมีสกุลเงินที่เป็นอิสระจากระบบการเงินดังเดิม.
ในปี 2009, Nakamoto ได้ปล่อยซอฟต์แวร์ Bitcoin และสร้างบล็อกเริ่มต้น, หรือ “Genesis Block”, ซึ่งเป็นการสร้างบล็อกแรกของ Bitcoin blockchain. นับจากนั้น, Bitcoin ได้เริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจมากขึ้นทั่วโลก.
ระหว่างปี 2009-2010, Nakamoto ติดต่อและทำงานร่วมกับนักพัฒนาอื่น ๆ เพื่อปรับปรุงและประกอบซอฟต์แวร์ Bitcoin. หลังจากนั้น, เขาเริ่มลดการสื่อสารของตนเองในชุมชนการพัฒนา Bitcoin และในปี 2011, เขาส่งต่อการดูแลซอฟต์แวร์แก่ Gavin Andresen หนึ่งในนักพัฒนา Bitcoin ที่เด็ดขาด. สุดท้าย, Nakamoto ถอนตัวออกไปจากชุมชนและไม่มีการติดต่ออีก.
จนถึงวันนี้, ตัวตนจริงของ Satoshi Nakamoto ยังคงเป็นปริศนา. แต่สิ่งที่เขาหรือพวกเขาสร้างขึ้น, Bitcoin, ได้กลายเป็นวัฒนธรรมการเงินที่สำคัญและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวิธีที่เราเชื่อมต่อกับสกุลเงินและการทำธุรกรรมทั่วโลก
ผู้ที่ถูกคาดการณ์ว่าคือ Satoshi Nagamoto
การค้นหาตัวตนจริงของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ”, ผู้สร้าง Bitcoin, ได้กลายเป็นสิ่งที่สนใจสูงสุดในวงการเทคโนโลยีและการเงินดิจิทัล. มีหลายคนที่ถูกคาดว่าเป็นซาโตชิ นากาโมโตะ แต่ไม่มีใครสามารถยืนยันตนเองหรือถูกยืนยันว่าเป็นซาโตชิ นากาโมโตะจริงๆ ดังนี้
Dorian Nakamoto
ในปี 2014, นิตยสาร Newsweek ได้ประกาศว่า Dorian Prentice Satoshi Nakamoto, ผู้ชายชาวอเมริกันสัญชาติญี่ปุ่น, เป็น “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ที่แท้จริง. อย่างไรก็ตาม, Dorian ได้ปฏิเสธทันทีว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Bitcoin และกล่าวว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลนี้เลย
Dorian Nakamoto, ผู้อาศัยอยู่ในซานแฟรนซิสโกแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย, เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ปลอดภัยที่เคยทำงานในโครงการของรัฐบาลสหรัฐ และมีความรู้เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวทางอิเล็กทรอนิกส์. เมื่อนิตยสาร Newsweek เผยแพร่บทความที่นำเสนอเขาเป็น Satoshi, สื่อมวลชนได้เผาถาวรที่บ้านของเขาเพื่อได้สัมภาษณ์เขา.
แต่เมื่อถามเกี่ยวกับ Bitcoin, Dorian ปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาเป็น Satoshi Nakamoto และยืนยันว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับ Bitcoin เลย. เขากล่าวว่าคำพูดที่ถูกความเข้าใจผิดจากนิตยสาร Newsweek เกี่ยวกับ Bitcoin คือเขากำลังพูดถึงงานประจำของเขาในช่วงที่เขาทำงานกับรัฐบาลสหรัฐ, และไม่ใช่ Bitcoin.
ชุมชน Bitcoin มาเป็นที่สนับสนุนของ Dorian และมีการระดมเงินทาง Bitcoin เพื่อช่วยเขาเนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเขา. Satoshi Nakamoto, บัญชีที่เชื่อว่าเป็นของผู้สร้าง Bitcoin, ได้ทำการโพสต์ครั้งสุดท้ายในฟอรั่มการพัฒนา Bitcoin ว่า “I am not Dorian Nakamoto.”
ในที่สุด, ยังไม่มีใครที่สามารถพิสูจน์ได้แน่นอนว่า Dorian Nakamoto เป็นหรือไม่เป็น Satoshi Nakamoto แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นแสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนและความลึกลับที่มีในการตามหาตัวตนจริงของผู้สร้าง Bitcoin
Craig Wright
Craig Steven Wright, นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวออสเตรเลีย, เคยประกาศตนเองว่าเขาคือ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” และมีหลักฐานบางส่วนเพื่อยืนยันความเป็นจริงนี้ อย่างไรก็ตาม, หลายๆ แหล่งข้อมูลและผู้เชี่ยวชาญในวงการยังมีความเป็นข้อสงสัยต่อการประกาศของเขา
ในปี 2015, ไรท์เผยแพร่คำกล่าวของตนว่าเขาคือ Satoshi หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้สร้าง Bitcoin. เขามีหลักฐานด้านเทคนิคและบันทึกส่วนตัวเกี่ยวกับ Bitcoin และลายเซ็นใน Transaction ที่เชื่อมโยงไปยัง Satoshi เพื่อรองรับคำกล่าวของเขา.
แต่การวิเคราะห์ข้อมูลทางเทคนิคที่ไรท์ให้มาถูกวิจารณ์อย่างรุนแรงโดยผู้เชี่ยวชาญในชุมชนการเข้ารหัส หลายคนเชื่อว่าหลักฐานที่เขานำเสนอไม่มีนัยสำคัญและไม่สามารถสรุปได้ว่าเขาคือ Satoshi จริงๆ. คำกล่าวของไรท์นั้นถูกตรวจสอบและเปรียบเทียบกับความสอดคล้องในการพัฒนา Bitcoin และแสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น.
เขาเคยสัญญาว่าจะนำเสนอหลักฐานเพิ่มเติมในการพิสูจน์ตัวตน, แต่หลักฐานที่นำเสนอมาก็ยังคงไม่เป็นที่ยอมรับ. หลักฐานที่ชัดเจนที่สุดในการยืนยันตัวตนของ Satoshi คือการเคลื่อนไหวของ Bitcoin ที่รักษาอยู่ในกระเป๋าเงินของ Satoshi, ซึ่งมีมูลค่าสูงเกิน 1 ล้าน Bitcoin.
หาก Wright จะพิสูจน์คำกล่าวของเขาอย่างแน่นอน, เขาต้องแสดงหลักฐานว่าเขาสามารถควบคุมกุญแจส่วนตัวของ Satoshi หรือทำธุรกรรมด้วย Bitcoin ที่เก็บอยู่ในกระเป๋าเงินของ Satoshi.
ในที่สุด, ความจริงเกี่ยวกับตัวตนของ Satoshi Nakamoto ยังคงเป็นปริศนา. แม้จะมีคำกล่าวอ้างจากหลายคน, หลักฐานที่นำเสนอยังคงไม่เพียงพอในการยืนยันตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi.
Nick Szabo
Nick Szabo เป็นนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่เคยเสนอแนวคิดเกี่ยวกับ “Bit Gold”, ซึ่งเป็นรูปแบบของสกุลเงินดิจิทัลก่อนหน้า Bitcoin. เขายังเป็นผู้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับสัญญาอัจฉริยะ หรือ “Smart Contracts”. เนื่องจากความรู้และความสนใจในด้านนี้, มีคนคาดว่า Nick Szabo อาจเป็น “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ตัวจริง แต่เขาเองก็ปฏิเสธข้อความนี้ ถึงแม้ว่าจะมีการคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” มากมาย แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถยืนยันหรือแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนว่าใครคือ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ที่แท้จริง
เมื่อพูดถึงการตามหาตัวตนที่แท้จริงของ Satoshi Nakamoto, ผู้สร้าง Bitcoin, มีหลายชื่อที่ถูกพิจารณามากับสมมติฐานนั้น หนึ่งในนั้นคือ Nick Szabo, ผู้ที่มีความผูกพันอย่างชัดเจนกับวงการเงินดิจิทัลและเทคโนโลยี blockchain ในรูปแบบเบื้องต้น.
Szabo ถือเป็นผู้บุกเบิกในด้านเงินดิจิทัลเป็นที่ยอมรับ ซึ่งก่อนหน้าที่ Bitcoin ถูกนำเสนอในปี 2008, เขาได้เสนอแนวคิดของ “Bit Gold” ซึ่งถูกอธิบายเป็นสารตั้งต้นของ Bitcoin โดยเขาเองในบล็อกโพสต์หลายชุดในช่วงปลายทศวรรษ 1990. ด้วยรูปแบบการทำงานของ “Bit Gold” ที่มีความคล้ายคลึงกับ Bitcoin ในหลายๆ แง่, หลายคนได้เชื่อมโยง Szabo ไปกับ Satoshi Nakamoto ตามความเชื่อนั้น.
นอกเหนือจาก “Bit Gold”, Szabo ยังเป็นผู้ที่เสนอแนวคิดของ “smart contract” เป็นครั้งแรกในปี 1994 ผ่านบทความที่มีชื่อว่า “Smart Contracts: Building Blocks for Digital Markets” ที่ได้เปิดตัววิธีการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสัญญาอัตโนมัติซึ่งสามารถทำงานแบบปลอดภัยโดยไม่ต้องผ่านกลาง.
อย่างไรก็ตาม, แม้ว่า Szabo จะได้รับการพิจารณาจากหลาย ๆ คนว่าเป็นผู้ท้าชิงตัวตนที่แท้จริงของ Nakamoto, เขาตอบสนองต่อความสงสัยด้วยการปฏิเสธอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ใช่ Satoshi Nakamoto.
ความปิดบังและความลึกลับของการตามหา Satoshi Nakamoto ทำให้ Nick Szabo กลายเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกสนใจและคาดการณ์ว่าเป็น Satoshi ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการมีบทบาทและผลกระทบที่มีต่อวงการเงินดิจิทัล.
Hal Finney
Hal Finney ถือเป็นหนึ่งในบุคคลคีย์ของโลกเงินดิจิทัล, ทั้งเป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เข้ารหัสและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมสนับสนุน Bitcoin ในยุคแรก ๆ. บทบาทของเขาในการนำพา Bitcoin ไปสู่ความสำเร็จยังคงอยู่ในใจของชุมชนเงินดิจิทัล.
Finney เป็นผู้ร่วมพัฒนา Pretty Good Privacy (PGP), ซอฟต์แวร์เข้ารหัสที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาความปลอดภัยของสื่อสารทางอีเมล. ผลงานด้านความปลอดภัยนี้ทำให้เขามีพื้นฐานที่มั่นคงในการเข้าสู่โลกของเงินดิจิทัล.
เมื่อ Bitcoin ก่อตั้งขึ้น, Finney เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกที่ใช้งานซอฟต์แวร์ Bitcoin และได้มีส่วนร่วมเป็นสมาชิกของชุมชนมายาวนาน. ไม่แปลกที่เขาได้รับการเชื่อมโยงกับชื่อ Satoshi Nakamoto เนื่องจากเขาได้ทำธุรกรรม Bitcoin ครั้งแรกจาก Nakamoto เอง. แต่ Finney ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้โดยตรง.
เขายังเป็นผู้ที่เขียนและแบ่งปันเกี่ยวกับศักยภาพและการประยุกต์ใช้ของเทคโนโลยี Bitcoin ในฟอรัมและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียหลายแห่ง. ผ่านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์นี้, Finney ช่วยส่งเสริมการเข้าใจและการยอมรับของ Bitcoin ในชุมชนอย่างกว้างขวาง.
ในปี 2014, โลกของเงินดิจิทัลเสียสูญหนึ่งในบุคคลที่สำคัญ เมื่อ Finney เสียชีวิตจากโรคเส้นโลหิตตีบด้านข้าง. แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ในโลกนี้อีกต่อไป, แต่ชื่อเสียงและการทำงานของเขายังคงถูกระลึกถึงและได้รับความเคารพในชุมชน Bitcoin อย่างล้ำลึก
Adam Back
Adam Back ชาวอังกฤษผู้เป็นหนึ่งในบุคคลที่มีส่วนสำคัญในการก่อตั้งและพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล, ไม่ได้รับความสนใจเพียงแค่ในการเป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกคาดการณ์ว่าเป็น Satoshi Nakamoto, ผู้สร้าง Bitcoin.
สร้างชื่อเสียงมาจากระบบ Hashcash, ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1997 เพื่อป้องกันการสแปมและการโจมตีแบบ denial-of-service, Back ได้ยกระดับความสามารถของระบบนี้ให้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับกลไกการขุด Bitcoin ซึ่งเป็นฐานสำคัญของเครือข่ายเงินดิจิทัล.
ไม่เพียงแต่เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักพัฒนา, Back ยังเป็นบุคคลที่น่านับถือในชุมชน cypherpunk, กลุ่มผู้ที่เชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพ. เขามีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการและบริษัทที่เกี่ยวกับคริปโตในหลายประเด็นและยังมีการเขียนบทความและงานวิจัยที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบกระจายอำนาจ.
ถึงแม้ Back จะปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเขาคือ Satoshi Nakamoto, แต่การที่เขามีความเชี่ยวชาญและเป็นที่รู้จักในสนามนี้ทำให้เขายังคงเป็นบุคคลที่สำคัญและมีอิทธิพลต่อการพัฒนาและการยอมรับของเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโตกระจายทั่วโลก. ทั้งนี้, การที่เขายืนยันสนับสนุนความเป็นส่วนตัวและต่อต้านการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ลดละในการป้องกันความเป็นส่วนตัวและเสรีภาพของแต่ละบุคคล
Wei Dai
Wei Dai นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และนักวิทยาการคริปโต, เป็นหนึ่งในบุคคลที่ได้รับการยกย่องเนื่องจากมีส่วนร่วมในการพัฒนาเงินสดดิจิทัล และระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์. พร้อมทั้งถือว่าเป็นบุคคลที่ได้บุกเบิกในด้านนี้ ทำให้การค้าขายและการโอนเงินผ่านทางอินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งที่ง่ายและปลอดภัยมากขึ้น.
การสร้าง B-money ในปี 1998 เป็นแนวคิดที่ถูกนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ระบบนี้เป็นระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบกระจายที่ไม่ระบุชื่อ, อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้และทำให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างเป็นส่วนตัว. การที่ B-money กลายเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนา Bitcoin ทำให้ Dai ถูกเชื่อมโยงกับ Satoshi Nakamoto, ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างและเผยแพร่ Bitcoin. เมื่อเราดูสู่แนวคิดของ B-money และการทำงานของ Bitcoin, จะพบว่าหลายองค์ประกอบถูกรับรองและนำมาปรับใช้.
อย่างไรก็ดี, หลายครั้งที่คนได้ยก Dai ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นไปได้ว่าเป็น Satoshi, ซึ่งอาจเป็นเพราะแนวคิดและผลงานของเขาที่มีความคล้ายคลึงกับ Bitcoin. แต่ Wei Dai ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ไปแล้ว.
ในส่วนสรุป, Wei Dai คือบุคคลที่มีความสำคัญมากในวงการเงินดิจิทัล โดยเฉพาะในการพัฒนาแนวคิดของการเงินดิจิทัลที่เป็นแรงบันดาลให้เกิด Bitcoin และโครงสร้างการทำธุรกรรมดิจิทัลที่เราใช้ในปัจจุบัน
Vili Lehdonvirta
ในโลกของเศรษฐกิจดิจิทัล และสกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ และยังมีปริศนาที่ไม่ได้ถูกระบุชื่อจริงของผู้สร้าง Bitcoin ที่เรียกว่า Satoshi Nakamoto หลายคนได้ถูกนำมาว่าจะเป็น Satoshi และ Vili Lehdonvirta คือหนึ่งในพวกนั้น
Lehdonvirta เป็นนักเศรษฐศาสตร์และนักวิจัยชาวฟินแลนด์ที่มีผลงานวิจัยในด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและวัฒนธรรมดิจิทัล ภายใต้สถาบัน Oxford Internet Institute ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด เขาเป็นคนที่คว้าความสนใจในด้านแรงงานดิจิทัล, เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม, และเฉพาะที่สุดในสกุลเงินดิจิทัล
ด้วยความที่ Lehdonvirta ได้แสดงความรู้และเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องของสกุลเงินดิจิทัล และตลาดออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด Bitcoin มาก่อนหน้านี้ ทำให้เขาถูกสายตาของสาธารณะและวงการวิจัยซู่มเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ที่เป็นไปได้ว่าเป็น Satoshi Nakamoto
แต่ทั้งนี้ ไม่มีหลักฐานเป็นการเชื่อมโยง Lehdonvirta กับการเป็นผู้สร้าง Bitcoin และเมื่อถูกถามโดยตรง เขาก็ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ทว่าเขายังคงเป็นผู้มีอิทธิพลและมีส่วนร่วมทางวิชาการ โดยเขาได้แนะนำและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจดิจิทัลแก่รัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ
เป็นที่รู้จักว่า Lehdonvirta ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และสำหรับการที่เขาถูกเชื่อมโยงกับ Satoshi Nakamoto นั้นเป็นเพียงการคาดการณ์ แต่ความรู้และประสบการณ์ที่เขามีทำให้เขายังคงเป็นบุคคลที่สำคัญและมีอิทธิพลในวงการนี้.
Satoshi Nagamoto มี Bitcoin อยู่เท่าไหร่
Satoshi Nakamoto ถือครอง Bitcoin จำนวนประมาณ 1 ล้าน BTC เมื่อเทียบกับราคา Bitcoin ในขณะนี้ (และแม้กระทั่งในช่วงที่ราคาสูงสุด) ด้วยจำนวน BTC นี้จะทำให้ Satoshi Nakamoto มีทรัพย์สินที่มากมายและจะเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ยกตัวอย่างเช่น หาก Bitcoin มีราคา 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อเหรียญ จะทำให้ Satoshi Nakamoto มีมูลค่าประมาณ 50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก ๆ
แต่ความลับของ Satoshi Nakamoto ทำให้ไม่มีใครทราบว่า Bitcoin จำนวนนี้จะถูกใช้หรือเคลื่อนย้ายไปไหน หรือเกิดอะไรขึ้นกับมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสนใจและคาดเดาต่าง ๆ ในวงการ cryptocurrency